IN NEWS
ศรชล.ขอผ่อนผันใช้พื้นที่ป่าชายเลนตราด ผุดศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัด
กรุงเทพฯ-ศรชล. เสนอ ครม. ผ่อนผันใช้พื้นที่ป่าชายเลน จ.ตราด สร้าง “ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัด”ย้ำทำตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม–ปลูกป่าทดแทนไม่น้อยกว่า 20 เท่า
วันที่ 30 ธันวาคม 2568 นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา “ผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน” เพื่อใช้พื้นที่สำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงาน ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดตราด (ศคท.ตราด) อันเป็นภารกิจด้านความมั่นคงและการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาติดต่อราชการ
รองโฆษกฯ ระบุว่า ปัจจุบันศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดในหลายพื้นที่ ยังจำเป็นต้องเช่าอาคารเอกชนเพื่อปฏิบัติงาน ทำให้การให้บริการประชาชนไม่สะดวก เช่น พื้นที่คับแคบ ห้องสุขาไม่เพียงพอ และที่จอดรถไม่รองรับการใช้งานอย่างเหมาะสม ดังนั้น ศรชล. จึงมีความจำเป็นต้องจัดหาอาคารที่ทำการของหน่วยงาน โดยพิจารณาจากความพร้อมของแต่ละจังหวัด
สำหรับพื้นที่ที่ขอใช้ประโยชน์ครั้งนี้ อยู่ในท้องที่ บ้านด่านเก่า หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เนื้อที่ 5 ไร่ 35 ตารางวา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าปากคลองบางพระ–ป่าเกาะเจ้า–ป่าเกาะลอย และอยู่ในเขตป่าชายเลน (ห่างจากทะเลประมาณ 2 กิโลเมตร) โดย ศรชล. ระบุสภาพพื้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรม และมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานให้รองรับภารกิจและการบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างอาคาร เป็นอาคารสำนักงานสูง 3 ชั้น พร้อมลานจอดรถ ระบบสาธารณูปโภค และภูมิทัศน์โดยรอบ มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 2,052 ตารางเมตร ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 43 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
นางสาวลลิดา กล่าวว่า หน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้พิจารณาแล้ว ไม่ขัดข้อง โดยได้ให้ข้อสังเกตและเงื่อนไขเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบและถูกต้องตามกฎหมาย ได้แก่
1. ให้ตรวจสอบการเข้าข่ายโครงการ/กิจการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง และหากเข้าข่ายให้ดำเนินการจัดทำรายงาน พร้อมกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามแนวทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
2. ให้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ จัดสรรงบประมาณเพื่อปลูกป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า 20 เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ ตามมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
3. เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ผ่อนผันยกเว้นแล้ว จึงเสนอเรื่องต่อ ทช. เพื่อขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าชายเลนตามขั้นตอนต่อไป
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเลควบคู่กับการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ โดยการดำเนินโครงการจะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการปลูกป่าทดแทนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนา การบริการประชาชน และการอนุรักษ์” รองโฆษกฯ กล่าว
