In News
นายกฯบุกสกลนครดูภูมิปัญญาชาวบ้าน ผ้ายอมคราม-เลี้ยงโค-ศูนย์ศึกษาภูพาน

สกลนคร-นายกฯ เยี่ยมชม “ถนนผ้ายอมคราม” ร้านค้า-แหล่งผลิตผ้าย้อมครามสกล ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สร้างรายได้สูงให้ จ.สกลนคร ชื่นชมความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลจนเกิดผลเป็นรูปธรรม
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (15 มิ.ย.65) เวลา 16.00 น. ณ บริเวณวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เยี่ยมชม “ถนนผ้ายอมคราม” ร้านค้าและแหล่งผลิตผ้ายอมครามสกล ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา และสภาหัตถศิลป์โลก (World Crafts Council) ได้รับการรับรองให้จังหวัดสกลนคร เป็น “นครหัตถศิลป์โลก เจ้าแห่งครามธรรมชาติ” (World Craft City for Natural Indigo) โดยเป็นหนึ่งในประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองนี้ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้สูงให้กับจังหวัดสกลนคร แสดงถึงศักยภาพทางด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยแบรนด์ชั้นนำของโลกยังได้นำผ้าครามไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อีกด้วย
นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลิตภัณฑ์ผ้ายอมครามของชาวบ้าน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งชนิดผ้าผืนสำหรับนำไปตัดเองและแบบสำเร็จรูป รวมทั้งมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่น และยังดีไซน์นำไปผลิตในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ กระเป๋า หมวก กิ๊บ อุปกรณ์เพื่อความสวยงาม และของใช้ภายในบ้าน เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีสินค้าที่เป็นผลผลิตจากสมาชิกในชุมชนอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทดลองทำผ้ายอมครามพร้อมให้กำลังใจอวยพรขอให้ขายดี กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มากขึ้น
พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีได้พบปะทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับ โดยนายกฯ ชื่นชมถึงความร่วมมือร่วมใจของประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลจนเกิดผลเป็นรูปธรรมและประโยชน์ต่อประชาชน ภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกและวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ต้องร่วมมือกันผ่านก้าวผ่านไปให้ได้ ขณะที่ประชาชนก็ต่างให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ซึ่งบรรยากาศของการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
ทั้งนี้ ก่อนการเยี่ยมชม “ถนนผ้ายอมคราม” นายกรัฐมนตรีได้กราบสักการะหลวงพ่อพระองค์แสน และกราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (พระสิริพัฒนาภรณ์) และเจ้าคณะอำเภอโพนนาแก้ว (พระครูกิตติธรรมนิวิฐ) ณ พระวิหาร พร้อมกราบสักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ เป็นเอกลักษณ์ของเมืองสกลนคร เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะ ยังได้ชมการแสดงต้อนรับ “ชนเผ่าสกลนคร” โดยชนเผ่าคนรักพระธาตุ 6 ชนเผ่า ได้แก่ ไทญ้อ ภูไท ไทโย้ย ไทกะโส้ ไทกะเลิง ไทลาว อย่างอบอุ่นและประทับใจด้วย ทั้งนี้ แต่ละกลุ่มชนเผ่าดังกล่าวต่างมีวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่น สืบทอดและยึดมั่นในวัฒนธรรมประเพณีจากรุ่นสู่รุ่นตลอดมา สามารถพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้
นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานด้านเกษตรมูลค่าสูง ณ บ้านท่าเยี่ยม อำเมืองสกลนคร ชื่นชมกลุ่มผู้เลี้ยงโคมีความเข้มแข็ง แนะรับฟังข้อมูลมาประยุกต์ใช้ พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (15 มิถุนายน 2565) เวลา 14.00 น. ณ บ้านท่าเยี่ยม อำเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานด้านเกษตรมูลค่าสูง โดยจังหวัดสกลนครได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูง ในด้านการพัฒนาปศุสัตว์ ได้มีการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ 4 ดำมหัศจรรย์แห่งศูนย์ฯ ภูพาน (ไก่ดำภูพาน สุกรภูพาน โคดำภูพาน และกระต่ายดำภูพาน) ซึ่งพัฒนาโดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งโคขุนโพนยางคำ และแพะเนื้อ แพะนมที่มีคุณภาพสูง สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทักทายให้กำลังใจผู้เลี้ยงโคเนื้อ พร้อมให้อาหารโค โดยตัวแทนผู้เลี้ยงโคเนื้อขอรับการสนับสนุนนักวิชาการเข้ามาให้ความรู้ด้านต่าง ๆ เช่น การแปรูป การพัฒนาคุณภาพเนื้อให้นุ่ม เพื่อให้สามารถสู้กับตลาดต่างประเทศ สร้างคุณค่า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ชื่นชมกลุ่มผู้เลี้ยงโคและกลุ่ม Young Smart Farmer ที่รู้จักปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการจัดหาอาหารที่มีคุณภาพราคาถูกกว่าท้องตลาด ถือเป็นตัวอย่างของความเข้มแข็ง ส่วนเรื่องการสนับสนุนนักวิชาการฯ มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดหานักวิชาการให้ความรู้กลุ่มผู้เลี้ยงโค เพื่อพัฒนาคุณภาพในทุก ๆ ด้าน นายกรัฐมนตรีย้ำปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก นำข้อมูลความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ยืนยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร และขอให้รักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวอย่าให้ใครมาแตกแยก
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางต่อไปยังวัดป่านาคนิมิตต์ ตำบลตองโขบ อำเภอโคกศรีสุพรรณ และวัดพระธาตเชิงชุมวรวิหาสร ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริด้านปศุสัตว์ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร ส่งเสริมปศุสัตว์มูลค่าสูง ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรในพื้นที่
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า วันนี้ (15 มิ.ย.65) เวลา 11.35 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร แหล่งความรู้ที่สําคัญในการประกอบอาชีพและดํารงชีวิตของประชาชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถขยายผลการศึกษาในด้านต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่เหมาะสมกับพื้นที่ สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเยี่ยมชมในครั้งนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริด้านปศุสัตว์ ซึ่งศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ได้ศึกษาและพัฒนาวิจัยพันธุ์สัตว์ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ไก่ดํา หมูดํา วัวดํา และกระต่ายดํา จนเป็นที่รู้จักกันว่า 4 ดํา มหัศจรรย์แห่งศูนย์ฯ ภูพาน ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสกลนครและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงการพัฒนาวิจัยด้านปศุสัตว์ต่าง ๆ ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ด้วยความสนใจ รวมถึงการพัฒนาวิจัยพันธุ์สัตว์ทั้ง 4 ชนิด โดยชื่นชมว่าเป็นการดำเนินการที่ดี และสามารถพัฒนาต่อยอดในด้านอื่น ๆ ได้ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมปศุสัตว์มูลค่าสูง โดยการพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูง เพื่อให้เกษตรกรพึ่งพาตนเอง และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร รวมทั้งรับทราบการดําเนินงานและการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ อย่างครบวงจรของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ทั้งงานการศึกษา ทดลอง และค้นคว้า ได้แก่ งานศึกษาและพัฒนาเกษตรกรรม งานศึกษาและพัฒนาปรับปรุงบํารุงดิน งานศึกษาและพัฒนาป่าไม้ งานศึกษาและพัฒนาปศุสัตว์ งานสาธิตและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการประมง รวมทั้งงานขยายผลของศูนย์ศึกษาการพัฒนา ทั้งด้านประกอบเกษตรกรรม ตลอดจนอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัว การส่งเสริมและสนับสนุนพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติจริง พร้อมทั้งแนะนำให้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มีเอกลักษณ์ดึงดูดน่าสนใจเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งจะทำให้สามารถจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น สร้างอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรียังได้พบปะทักทายให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และเกษตรกร โดยนายกฯ ย้ำว่า “อย่าท้อแท้ สู้ต่อไป” พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกับเกษตรกรที่มารับมอบพันธุ์สัตว์ ซึ่งผ่านการอบรมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นที่ระลึกสำหรับเกษตรกรด้วย
สำหรับ 4 ดํา มหัศจรรย์แห่งศูนย์ฯ ภูพาน ซึ่งประกอบด้วย 1) ไก่ดำ เป็นการพัฒนาปรับปรุงคัดเลือกสายพันธุ์ตามที่ตลาดและผู้บริโภคต้องการ โดยเป็นการพัฒนาสายพันธุ์จนได้ไก่ดำ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ไก่ดำภูพาน 1 ขนสีดำ ไก่ดำภูพาน 2 ขนสีขาว ไก่ดำภูพาน 3 ขนสีเหลือง และไก่ดำภูพาน 4 ขนสีหวายดำ โดยยังคงมีเนื้อดำ หนังดำ และกระดูกดำ เลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็วสามารถฟักไข่และเลี้ยงลูกได้เอง ทนทานต่อโรคระบาดปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี 2) หมูดำภูพาน เป็นการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการเลี้ยงของเกษตรกรตอบสนองต่ออาหารสัตว์ที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้ดี ปัจจุบันพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรโดยรู้จักกันในชื่อ “ภูพานคุโรบูตะ” 3) โคดำภูพาน มีลักษณะเด่นคือ ไขมันแทรกในมัดกล้ามเนื้อสูง สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ทนทานต่อโรคระบาด และเป็นหนุ่ม เป็นสาวเร็ว ปัจจุบันได้ยกระดับสายเลือดโคพันธุ์วากิว ทาจิมะสูงถึงร้อยละ 96.09 ซึ่งในทางปรับปรุงพันธุ์ถือเป็นโคสายพันธุ์แท้ (Purebred Wagyu) และ 4) กระต่ายดำภูพาน มีลักษณะเด่นคือ การเลี้ยงการจัดการไม่ยุ่งยากใช้พื้นที่เลี้ยงน้อย ทนทานต่อโรคระบาด ตัวใหญ่ให้เนื้อเยอะ อัตราการเจริญเติบโตดี ให้ลูกดกต้นทุนอาหารต่ำ เนื้อมีโปรตีนสูง รสชาติดี มีไขมันต่ำ