In Bangkok

กทม.สำรวจความต้องการใช้ยาต้านโควิด วางแผนบริหารจัดการยาให้เพียงพอ



กรุงเทพฯ-สำนักการแพทย์และสำนักอนามัย กทม.สำรวจความต้องการใช้ยาต้านไวรัสโควิด 19 พร้อมวางแผนบริหารจัดการยาให้เพียงพอ

นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมวางแผนการจัดซื้อยาต้านไวรัสโควิด 19 และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของ กทม.ว่า สำนักการแพทย์ พร้อมดำเนินการให้โรงพยาบาล (รพ.) ในสังกัด กทม.เตรียมจัดหายาต้านไวรัส ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.65 โดยใช้กระบวนการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเช่นเดียวกับโรคติดเชื้ออื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ตามสิทธิ ด้วยการจัดระบบบริหารจัดการยา ดังนี้ (1) ระบบบริหารเวชภัณฑ์ เพื่อให้มียาเพียงพอ ทันเวลา กลุ่มงานเภสัชกรรมได้ทบทวนรายการยาในคลังและทบทวนแผนจัดซื้อยา โดยเฉพาะรายการยาที่มีการใช้บ่อยและอาจประสบปัญหาการขาดแคลนได้ หากมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง สํารองยาให้เพียงพอสําหรับผู้มารับบริการ และประสาน รพ.อื่น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมกรณีมีปัญหายาขาดแคลนใน รพ.รวมทั้งติดตามแนวทางการรักษาโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เภสัชกรผู้รับผิดชอบงานคลังจะต้องมีความรู้ความเข้าใจการบริหารจัดการความเสี่ยง จะต้องหาข้อมูลบริษัทผู้จัดจําหน่ายสํารองไว้ เพื่อติดต่อสั่งยากรณีที่มีรายการยาขาดแคลนของบริษัทที่เคยจัดซื้อเดิม และ (2) ปรับระบบการให้บริการจัดส่งยาถึงบ้านผู้รับบริการที่เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อ ลดความแออัด ลดค่าใช้จ่ายของผู้รับบริการ เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้รับบริการไม่ต้องเดินทางมารับยาที่ รพ.ซึ่งเกณฑ์ของผู้รับบริการกลุ่มนี้ คือ ผู้รับบริการที่มีอาการคงที่ รับยาชนิดเดิมต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และเป็นผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังของทุกคลินิก ตลอดจนเตรียมพร้อมเรื่องเตียง การใช้ยาอย่างเหมาะสม และการฉีดวัคซีน รวมถึงให้ รพ.พิจารณาการใช้ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด สำหรับกรณีผู้ป่วยไม่ไปรับบริการในสถานพยาบาลตามสิทธิการรักษา การจ่ายยา ใช้ยา ต้องใช้ใบสั่งแพทย์เท่านั้น หากคลินิกไม่มียาสามารถออกใบสั่งแพทย์ไปซื้อที่ร้านขายยาได้

นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า สำนักอนามัย ได้เตรียมแผนจัดซื้อยาต้านไวรัสโควิด 19 ยา Favipiravir และ Molnupiravir โดยสำรวจความต้องการการใช้ยาจากศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ทั้ง 69 แห่ง โดยให้แจ้งความต้องการการใช้ยาทั้ง 2 รายการในช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค.65 และกองเภสัชกรรมจะตรวจสอบข้อมูลการจ่ายยาทั้ง 2 รายการในระบบ VMI เพื่อเปรียบเทียบการใช้งานในช่วงที่ผ่านมา แล้วจึงประมาณจำนวนการใช้ยาทั้ง 2 รายการ เพื่อจัดทำแผนซื้อยาต้านไวรัสโควิด 19 ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการการใช้ยา และจะประเมินการใช้ยา พร้อมจัดทำแผนจัดซื้อยาเป็นระยะ เพื่อให้มียาเพียงพอพร้อมใช้ตลอดเวลา นอกจากนั้น ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ยังได้ประชาสัมพันธ์แนวทางการเข้าถึงยาต้านไวรัส รวมถึงการใช้ยาต้านไวรัสที่ถูกต้องผ่านระบบการรักษาต่าง ๆ ให้ประชาชน อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสต้องมีการสั่งยาจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดในการรักษาพยาบาล