In Bangkok

กทม.พัฒนาระบบความปลอดภัยสารเคมี สุ่มตรวจแนะด้านสารเคมี-วัตถุอันตราย



กรุงเทพฯสำนักอนามัย กทม.พัฒนาระบบความปลอดภัยสารเคมี - สุ่มตรวจแนะนำด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการในกรุงเทพฯ

นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวกรณี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กำชับเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบโรงงาน หรือสถานประกอบการในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ผลิต หรือมีการใช้สารเคมีอันตรายให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่ากรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย

ได้จัดทำโครงการบูรณาการพัฒนาระบบความปลอดภัยสารเคมีในกรุงเทพฯ ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยสุ่มตรวจแนะนำความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ที่มีความเสี่ยงภัยด้านสารเคมี หรือเป็นโรงงานจำพวกที่ 3 ที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงานในเดือน ก.ค. - ส.ค. จำนวน 50 แห่ง เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่มีการจัดเก็บ การผลิต การสะสม การขนส่ง และการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการ และควบคุม กำกับ ดูแลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานเขต สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการโยธา กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจแนะนำความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายดังกล่าว ขณะเดียวกันได้วางแผนสุ่มตรวจแนะนำความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2566-2568 เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และควบคุม กำกับ ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

สำหรับกรณีเหตุสารเคมีรั่วไหลที่ จ.นครปฐม นั้น สำนักอนามัย ได้ติดตามผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว โดยประสานสำนักงานเขตทวีวัฒนาและสำนักงานเขตภาษีเจริญ ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบทางสุขภาพ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อ่อนไหว เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน โรงเรียน ชุมชน วัด ศูนย์บริการสาธารณสุขและสถานพยาบาล รวมทั้งได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์แนะนำแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตรายภาคประชาชน เพื่อเผยแพร่
ให้ประชาชนและผู้สนใจได้รับทราบอีกทางหนึ่งด้วยหนึ่งด้วย