Authority & Harm
แห่โลงศพจี้ผบ.เรือนจำสอบผู้คุมกระทืบนักโทษตาย

ชัยภูมิ-ญาตินักโทษชายและเพื่อนบ้านแบกโลงศพนักโทษชายประท้วงหน้าเรือนจำ อ้างว่าถูกผู้คุมกระทืบตาย
นางอมรรัตน์ เดชมะเริง อายุ47 ปี อยู่บ้านเลขที่484/8 หมู่16 ชุมชนกุดแคน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยชาวบ้านในชุมชนกุดแคน ร่วมกันแบกโลงศพพร้อมรูปถ่ายหน้าศพของ นายนิวัฒน์ เดชมะเริง อยุ 45ปี นักโทษชายคดีเป็นผู้จำหน่ายยาบ้า และเป็นน้องชายของนางอมรรัตน์ ซึ่งนางอมรรัตน์อ้างว่าน้องชาย ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ออกมารวมตัวกันที่บริเวณถนนด้านนอกกำแพงเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ เพื่อเรียกร้องขอให้ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฏหมาย
นางอมรรัตน์ เดชมะเริง อ้างว่าเมื่อวันที่ 8 เดือนมีนาคม พศ.2566 นายนิวัฒน์ เดชมะเริง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในข้อหาเป็นผู้จำหน่ายยาบ้า และถูกดำเนินคดีศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ตลอดระยะเวลาทีถูกจองจำตนและญาติๆได้เดินทางไปเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง จนเหลือเวลาที่จะพ้นโทษเพียง11เดือน เมื่อ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมนายนิวัฒน์อีกครั้งหลังจากเพื่อนบ้านที่ไปเยี่ยมญาติอีกคนที่ถูกจองจำในเรือนนอนเดียวกันกับนายนิวัฒน์ แอบแจ้งว่านายนิวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายให้ไปบอกญาติมาเยี่ยมอาการด้วย ตนจึงติดต่อขอเข้าเยี่ยม และได้ทราบความจริงว่าน้องชายถูกทำร้ายจริงมีรอยฟกซ้ำบริเวณใบหน้า และอาการเบลอๆท่าทางไม่น่าไว้วางใจ จึงต้องรีบกลับมาแจ้งความ ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อขอให้ทางเรือนจำส่งตัวน้องชายมาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลชัยภูมิ เมื่อนำตัวมาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกาย พร้อมแจ้งอาการว่าคนไข้อาการโคม่าต้องรีเฟอร์ต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่น
นางอมรรัตน์ เล่าต่อด้วยอาการสะอึกสะอื้นว่า ระหว่างรอการตัดสินใจจะส่งตัวน้องชายไปโรงพยาบาลขอนแก่นอยู่นั้น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเข้ามาพูดคุยถึงการส่งตัว จะต้องลงบันทึกว่าป่วยด้วยโรคประจำตัวเท่านั้น หากลงบันทึกว่าเป็นการถูกทำร้ายจะมีผลต่อรูปคดี และมีผลต่อเจ้าหน้าที่เรือนจำ ตนมีความจำเป็นต้องยินยอมเนื่องจากนั้นมีผู้คุมจากเรือนจำยืนประกบตลอดเวลา จนในที่สุดก็สามารถนำตัวส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่นได้ ตลอดเวลาที่รักษาตัวที่จังหวัดขอนแก่น ตนได้พยายามติดต่อขอทราบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่เรือนจำตลอดเวลา เพื่อทวงถามหาความยุติธรรมให้กับน้องชาย เนื่องจากตนคาดหวังว่าอีกไม่กี่วันน้องชายก็จะพ้นโทษ และจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่แทบใจสลายเมื่อทราบต่อว่ามาน้องชายมีการไม่ดีจนหมอบอกให้ทำใจและเสียชีวิต ตนมีความมั่นใจว่าสาเหตุการเสียชีวิตของน้องชายน่าจะมาจาก การถูกทำร้ายอย่างแน่นอนจึงอยากให้ผบ.เรือนจำตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษด้วย
ด้าน นาวสาวยุพา บุญเกิน ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดชัยภูมิ ออกมายอมรับว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ญาติได้มาร้องเรียนนั้นทางเรือนจำทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นและได้ดำเนินการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ซึ่งจากการตั้งกรรมการสอบสวนผลสรุปออกมาว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แต่การเสียชีวิตของนักโทษชายนั้นเกิดจากสาเหตุมีโรคประจำตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อญาติยังติดใจกับประเด็นสอบสวนที่เกิดขึ้นนี้ ทางเรือนจำก็จะรับเรื่องและดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามญาติของผู้เสียชีวิตยังมีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ ในหลายประเด็นเช่นกรณี ทางเรือนจำอ้างว่า กล้องวงจรปิดในเรือนจำที่ชำรุด มาเป็นเวลานาน ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ต่างๆในเรือนจำได้ รวมทั้งแนวทางในการติดต่อสื่อสารชี้แจงให้กับทางญาติ ทางเรือนจำไม่ได้ให้ความกระจ่างตั้งแต่แรก ดังนั้นในวันนี้ญาติของผู้เสียชีวิตและชาวบ้าน ยังคงยืนยันว่าจะไม่นำร่างผู้เสียชีวิตเผา จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน////////////จบข่าว////////////////////