In News

นายกฯถก3บ.ยา-อาหารระดับบิ๊กของโลก 'WEF Astrazeneca และ Bayer'



เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส-นายกรัฐมนตรีหารือผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ชู Soft Power พร้อมดึง WEF จัดประชุมพิเศษในไทย เน้นพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ เมื่อวานช่วงบ่าย บิ๊กบริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่องขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมากและBayer ยักษ์ใหญ่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และยา ชื่นชมวิสัยทัศน์นายกฯ “แพทองธาร” ลงทุนพัฒนาคน ปูทางอุตสาหกรรมแห่งอนาคตทำให้มั่นใจประเทศไทยพร้อมร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและยา รวมทั้งการเกษตรของไทย

วันนี้ (22 มกราคม 2568) เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส) ณ ศูนย์ประชุม Davos Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) และประธานคณะกรรมการ ผู้ดูแลผลประโยชน์องค์กร (Chairman of the Board of Trustees) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป อีกครั้ง ภายหลังที่พบกันในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่เวียงจันทน์ พร้อมขอบคุณการเชิญเข้าร่วมการประชุม WEF ตนเองจะนำเสนอ “Soft power" ไทยในครั้งนี้ด้วย  ทั้งนี้ ไทยและ WEF เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งร่วมกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งไทยพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับ WEF อย่างต่อเนื่องในด้านที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน 

ศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี WEF มั่นใจไทยมีศักยภาพพร้อมขยายความร่วมมือผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับ WEF ได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี การเกษตร และอาหาร

ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของประเทศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ผ่าน Forum ของ WEF ในปีนี้ นอกจากนี้ ไทยสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม WEF Special Meeting ในปี 2569 และความเป็นไปได้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Young Global Leaders’ Summit เพื่อเสริมพลังเยาวชน ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ บ่มเพาะความคิดใหม่ ๆ และสร้างนวัตกรรมในระดับโลก 

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ร่วมเป็น keynote speaker ในการประชุม ACD High-level Conference on Global Architecture ในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่จังหวัดภูเก็ตด้วย

บิ๊กบริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญในการพบหารือระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับนาย Michel Demaré ประธานกรรมการ (Chair of the Board) บริษัท AstraZeneca จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับโลก ระหว่างการประชุม World Economic Forum 2025 เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ซึ่งตรงกับเวลาประเทศไทยในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณบริษัท AstraZeneca ที่ให้ความสนใจและมีส่วนร่วมกับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งความร่วมมือของบริษัทที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ในภูมิภาค และได้แสดงความยินดีที่ได้ทราบถึงบทบาทผู้นำระดับโลกของบริษัท AstraZeneca ในการคิดค้นยารักษาโรคที่สำคัญของโลก อาทิ โรคเบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนทั่วโลก รวมถึงการมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงโอกาสที่ดีหากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในการศึกษา วิจัย และพัฒนา โดยไทยมีเป้าหมายในการศูนย์กลางการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งไทยมีโรงเรียนแพทย์ที่สามารถผลิตแพทย์และบุคลากรทางแพทย์ที่มีคุณภาพ จนทำให้การแพทย์และการบริการสาธารณสุขไทยได้รับความไว้วางใจในหมู่คนต่างชาติ โดยเฉพาะจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม โดยเปิดกว้างและพร้อมที่รับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน และยินดีสนับสนุนความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนากับบริษัท AstraZeneca เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 

ขณะที่ นาย Michel Demaré ประธานกรรมการกล่าวขอบคุณและชื่นชมศักยภาพของไทยในด้านการแพทย์ บริษัทฯ มีการลงทุนฐานการผลิตที่สำคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับคนไทยและคนทั่วโลก ทั้งนี้พร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านยาและการดูแลสุขภาพที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าให้กับพันธมิตรและหุ้นส่วนไทย ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านชีวการแพทย์ และพัฒนาการเข้าถึงด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในประเทศไทย

Bayer ยักษ์ใหญ่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และยา ชื่นชมวิสัยทัศน์นายกฯ 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันอังคารที่ 21 มกราคม 2568 เวลา ประมาณ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนายสเตฟาน อูลริช (Mr. Stefan Oelrich) กรรมการบริหารบริษัทไบเออร์ เอจี และผู้บริหารสูงสุดแผนกฟาร์มาซูติคอล (Board of Management and Head of the Pharmaceuticals Division Bayer AG) ระหว่างการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส 

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมภาคการเกษตร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ อาทิ ข้าว ข้าวโพด เพื่อพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่สามารถเพิ่มผลผลิต รวมทั้งนวัตกรรมใหม่เพื่อการพัฒนา ด้านสาธารณสุข ทั้งยาและสุขภาพ โดยรัฐบาลมีนโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่” เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณสุขและยาได้มากขึ้น  รวมทั้งการพัฒนาและวิจัยด้านการแพทย์และยา เชื่อว่าจะสามารถร่วมมือกับบริษัทไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพและการเกษตร  

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI โดยให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมเยาวชนด้วยการ upskilled -reskilled เพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างโอกาสและรายได้ใหม่ๆ ให้กับประเทศ  ระหว่างนี้ รัฐบาลมีนโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” เพื่อให้โอกาสคนไทย ได้มีบ้าน ที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการดูแลคุณภาพชีวิตคนไทย  

ขณะที่นายสเตฟาน อูลริช กรรมการบริหารบริษัทไบเออร์ เอจีและผู้บริหารสูงสุดแผนกฟาร์มาซูติคอล ได้แสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหวังว่าจะได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีที่ประเทศไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ ไทยเป็นประเทศที่เป็นฐานการลงทุนที่สำคัญและต้องการร่วมมือกับประเทศไทยในด้านยา สุขภาพ รวมทั้งการเกษตร ซึ่งต้องขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญอย่างมากในการลงทุนในทรัพยากร “คน” ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถล้ำหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เช่น อุตสาหกรรมยา และสุขภาพ ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีวิทยาการใหม่ๆ เช่น ความรู้ด้านเซลล์บำบัด (cell therapy) รวมทั้ง AI ที่ก้าวหน้า สามารถเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพ และบริษัทฯ ยินดีจะร่วมมือกับประเทศไทยในการสนับสนุนการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วย เพื่อให้ประชาชนไทยได้มีโอกาสเพิ่มการเข้าถึงนวัตกรรมในการรักษาอย่างมีคุณภาพ ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ตลอดจนร่วมมือในการเพิ่มผลผลิตของเกษตรกรด้วยการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตอย่างมีคุณภาพ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย 

อนึ่ง ไบเออร์เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญหลักในด้านไลฟ์ซายน์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการเกษตร ด้วยพันธกิจ ทุกคนมีสุขภาพดี ไม่ขาดแคลนอาหาร (Health for all, Hunger for none) ไบเออร์มุ่งมั่นที่จะผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น โดยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการรักษาของผู้ป่วยและแก้ไขปัญหาของเกษตรกร บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมนีและมีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 62 ปี โดยมีสำนักงาน โรงงานผลิตและศูนย์การวิจัยในประเทศไทยถึง 7 แห่ง ซึ่งสนับสนุนการจ้างงานพนักงานในประเทศไทยมากกว่า 1,500 คน