In News

นายกฯให้สัมภาษณ์หลังจบWEF2025 ประเทศไทยได้อะไรบ้างประชุมตลอด3วัน



นายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจการประชุม WEF 2025 ปิดประชุม เวิลด์อีโคโนมิค ฟอร์รั่ม ดาวอส ประเทศไทยได้อะไรมากกว่าที่คิดจาก 20 ประชุมตลอด 3 วัน ทั้งระดับผู้นำประเทศ บิ๊กธุรกิจระดับโลก เปิดสปอรต์ไลท์ส่องการลงทุนมาที่ไทยขณะที่ไทยแลนด์เฉิดฉายบนเวทีระดับโลก ทั้งน่าลงทุน และวัฒนธรรมที่เป็นซอฟเพาเวอร์ของไทย

วันนี้ (วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568) เวลาประมาณ 11.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเดินทางถึงประเทศไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum 2025 ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผลสำเร็จที่ชัดเจนคือการลงนามความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศ (EFTA) (TH-EFTA FTA) เป็นการเปิดการค้า แม้จะกับ 4 ประเทศในภูมิภาคยุโรป ยังไม่ครบทั้งสหภาพยุโรป (EU) แต่มีแผนว่าภายในปีนี้จะลงนามกับทั้งหมดของ EU ให้ได้ เพื่อเปิดเส้นทางการค้าของประเทศไทยกับ EU เป็นความสำเร็จของประเทศ โดยมีการดำเนินงานมาระยะหนึ่งแล้ว 

ส่วนการพบหารือกับภาคเอกชนได้มีการสอบถามเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Future Industry) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ data center ต่างๆ รวมถึงด้านพลังงาน ซึ่งจากการที่ได้มีการพบปะกับหลายภาคส่วนได้สอบถามถึงความพร้อมในด้านพลังงานสีเขียว ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวให้ความมั่นใจว่า ไทยมีความพร้อม สามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างเต็มที่ รวมถึงด้านการพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานของไทย นายกรัฐมนตรีได้พูดคุย พร้อมขอให้บริษัทที่เข้ามาลงทุนช่วยพัฒนาทักษะแรงงานไปด้วย ในขณะที่ไทยเองก็พัฒนาคนในรุ่นต่อๆ ไปควบคู่กันไปด้วย เพื่อเตรียมรับการลงทุนในอนาคต เพิ่มโอกาสในการจ้างงานสำหรับคนจบใหม่ในอนาคตด้วย เช่น บริษัท Google ที่ลงทุนในไทย มีการฝึกทักษะแรงงานไทย ขณะเดียวกันบริษัทก็ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของไทยเพื่อพัฒนาฝีมือและทักษะอาชีพ ถือเป็นการหารือที่ครบวงจร มั่นใจว่า คนไทยมีศักยภาพในการเรียนรู้ที่ดีอยู่แล้ว

ส่วนการหารือกับ DP World เป็นการต่อยอดที่ชัดเจนจากอดีตนายกฯ เศรษฐา ฯ  โดย DP World ให้ความสนใจ ทั้งเรื่องการทำท่าเรือ และอื่นๆ ส่วนเรื่อง LandBridge ทางบริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับการลงทุน มีความคืบหน้าในการเริ่มศึกษารายละเอียด และมีความเป็นไปได้สูง และเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งนี้มีเอกชนหลายราย แต่ DP World ถือเป็นหลักที่ได้หารืออยู่ 

ส่วนประเด็นฝุ่นควัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ใช่วาระแห่งชาติธรรมดาแต่ถือเป็นวาระแห่งอาเซียนซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้กรอบของอาเซียน ได้มีการหารือและขอความร่วมมือแล้ว ให้ประเทศที่มีการเผา ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ต้องมีมาตรการ ทุกประเทศในอาเซียนช่วยกัน ซึ่งต้องมีกรอบความร่วมมือ เช่น ทุกกระทรวงของไทยที่ได้ให้มาตรการไปหมดแล้ว อีกทั้งได้มีการเตรียมการตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ก่อนปีใหม่ เช่น การปรับ โดยในส่วนอุตสาหกรรมซึ่งมีการเผาน้อยลงอย่างมากจากปีที่ผ่านมา แต่ฝุ่นเป็นเรื่องสะสมมาเป็นระยะเวลานาน ถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ว่าทุกๆคนต้องช่วยกันจริงเพื่อให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ คือกำลังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ตอนนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งรัฐบาลก็มีแผน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ส่วนมาตรการ WFH เป็นมาตรการที่ทำได้ จะช่วยลดการเดินทางได้เยอะขึ้น โดยแนวทางที่คุยกันไว้เบื้องต้นคิดว่าเป็นไปได้ในเรื่องนี้ ขอให้มีการ WFH ในช่วงนี้ก่อนเพราะฝุ่นมีจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกภาคส่วนตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว และที่รัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการ โดยใช้งบกลาง 140 ล้านบาท การขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ก็เป็นมาตรการเร่งด่วน และเอกชนหลายที่ก็ได้ใช้ ถือเป็นเรื่องที่ช่วยกันในภาพรวม 

ประเด็น entertainment complex ไม่ใช่เรื่องการเปิดบ่อนเสรี แต่จะสร้างที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่แบบ man made ซึ่งคาสิโนเป็นส่วนเล็กๆ ของทั้งหมดนี้ เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อทำให้ประเทศไทยเกิดรายได้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพราะรายได้เก่าๆ ไม่เพียงพอทำให้จีดีพีโตขึ้น จึงต้องเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ รายได้ การประกอบอาชีพใหม่ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ การที่บอกว่าจะไม่เอา ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องอธิบายให้ประชาชน ต้องช่วยกันอธิบายไปทีละขั้นตอน และการรับฟังความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่จะมีการรับฟังความคิดเห็น

ปิดประชุม เวิลด์อีโคโนมิค ฟอร์รั่ม ดาวอส ประเทศไทยได้อะไร

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจในการร่วมประชุม World  Economic Forum Annual Meeting 2025 ประจำปี 2568 ที่กรุงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนเดินทางออกจาก เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามเวลาท้องถิ่นประมาณ 18.00 นาฬิกา วันนี้ โดยคณะของนายกรัฐมนตรีจะถึงกรุงเทพมหานคร ในวันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 25 มกราคม  เวลาประมาณ 10.40 น.)

ในการให้สัมภาษณ์ ก่อนออกเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อเวลา 16.30 น.  ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ได้มาพร้อม “ทีมไทยแลนด์” ชุดใหญ่ ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี และรมว. ดีอี  รอง นรม.และ รมว คลัง  รมวเกษตรและสหกรณ์  รมต พาณิชย์  รมต. ต่างประเทศ  ผู้แทนการค้าไทย  เลขา BOI  ซึ่งการประชุม เพียง 3 วันแต่ประกอบไปด้วยการพบหารือกับคณะนักธุรกิจ และผู้นำของแต่ละประเทศมากถึง  กว่า 20 ภารกิจ

ทั้งนี้ประกอบด้วยการหารือกับ 11 บริษัทเอกชนชั้นนำระดับโลกได้แก่ DP World  /Nestle / Coca Cola /  Bayer AG/ Astra Zeneca /Salesforce/Google / Pepsi/ AWS/ Grab/ Amazon Web Services ซึ่งได้รับการตอบรับในการให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าหลายบริษัทที่เคยลงทุนในประเทศไทยอยู่ แล้วจะลงทุนเพิ่มมากขึ้น ส่วนบริษัทใหม่ๆ ก็ให้ความสนใจมากที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นในเร็ววันนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ในระดับประเทศ ได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้นำประเทศและหัวหน้ารัฐบาลถึง 4 ท่าน ได้แก่ประธานาธิบดีสมาพันธรัฐสวิส  นายกรัฐมนตรีประเทศอาร์เมเนีย นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐคอซอวอ และศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด ยูนุส ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นที่รู้จักกับนานาอารยะประเทศมากขึ้น ทำให้เกิดความสัมพันธ์ทั้งระดับภูมิภาคและประเทศมากขึ้น 

ขณะที่ กิจกรรมสำคัญตลอดการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่มีโอกาสได้ร่วมงานสำคัญในการให้การต้อนรับอาทิ งานเลี้ยงรับรองของประธาน WEF และ ทีมไทยแลนด์ยังได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวัน Thailand Reception ที่นำเสนอ ในรูปแบบ ไทยสไตล์ และ อาหารไทยจนผู้ร่วมงานให้ความชื่นชม และสนใจในอาหารและวัฒนธรรมที่สวยงามของประเทศไทยเป็นอย่างมาก  

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไป ว่าสำหรับเรื่องสำคัญที่สุดอันถือเป็นประวัติศาสตร์ทางการค้าของไทย กับ ประเทศในสหภาพยุโรปที่ประเทศไทยได้ลงนามความตกลง FTA ไทย-EFTA / กับ 4 ประเทศเป็นครั้งแรก ทำให้เป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทย ที่จะเข้าไปจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปมากขึ้น 

สำหรับ เสาวนา Betazone "Not Losing Sight of Soft Power" และการร่วมกิจกรรม Country Strategy Dialogue (CSD) on Thailand / และ Thailand Networking Dinner Reception ก็ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกับต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะประเทศในยุโรป และยังได้แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม อันเป็นซอฟเพาเวอร์ ที่สำคัญของประเทศไทยที่จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นสินค้าให้ชาวยุโรปได้รู้จักมากขึ้น

ส่วนการพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ กับผู้นำและบุคคลสำคัญ เช่น นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกร นายกรัฐมนตรีสวีเดน นายกรัฐมนตรีภูฏาน และนาย Olivier Schwab  บุตรชายของผู้ก่อตั้ง WEF นาง Melanie Brown หัวหน้าด้านวัฒนธรรมของ WEF อดีตนักร้องวงดนตรี Spice Girls  ทำให้ประเทศไทย และ ต่างประเทศ ได้กระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่การพบกับผู้บริหารภาคเอกชนไทยที่เดินทางมาร่วมประชุม อาทิ ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ CP Bitkub ทำให้เห็นถึง แนวทางการลงทุน และ รับฟังทุกคำเสนอแนะของการลงทุน ของไทยในต่างประเทศ อีกด้วย 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่ามาประชุมครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมาก ที่ได้มีโอกาสสื่อสารถึง“โอกาสและศักยภาพ” ของประเทศไทย และสร้างความมั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วน  ของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ด้วยที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านความมั่นคงด้านอาหาร รวมทั้ง รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล  เทคโนโลยี  พัฒนาคน ปรับ กฏระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน เพื่อเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมอีกด้วย อีกทั้งยังได้โปรโมท “ Soft power"  ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร ที่มาจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย จนกลายเป็นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าในปัจจุบัน เช่น มวยไทย  อาหารไทย ผ้าไทย เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างประเทศ โดยรัฐบาลจะส่งเสริมให้เป็นเครื่องจักรใหม่ (engine force) ในการสร้างเม็ดเงินและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ

“มาครั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทั่วโลกจับตามอง และยังเป็นการติดตามเทรนด์โลกยุคใหม่ และได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้นำและบุคคลสำคัญๆซึ่งสอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังทำ เช่น การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI  การแพทย์และสาธารณสุข  รวมทั้งเตรียมเด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทย ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอีกด้วย “นายกรัฐมนตรีกล่าว