In Thailand
ศึกเลือกตั้งทน.หาดใหญ่'มวยคู่เก่า'สู้กัน ส่วนใคร?เข้าวินที่กลยุทธ์-เข้าถึงปชช.

สงขลา-ศึกเลือกตั้ง เทศบาลนครหาดใหญ่ “มวยคู่เก่า”ที่”รีเทิร์น”ใหม่ ส่วนใครจะ”เข้าวิน” อยู่ที่” กลยุทธ์” ของการ”เข้าถึงประชาชน
ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 คือวัน”หย่อนบัตรเลือกตั้ง” ผู้บริหารและสมาชิกเทศบาลทั่วประเทศ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นการลงรับสมัครของ”ผู้บริหารชุดเก่า” ที่ลง”ป้องกันตำแหน่ง” กับ”ผู้ต่อสู้”หรือ”คู่แข่ง”ที่เป็น”คู่ปรับเก่า” และมีหลายพื้นที่ หลายเทศบาล ที่การเลือกตั้งครั้งนี้”ไม่มีการแข่งขัน” เนื่องจาก” เจ้าของตำแหน่งเดิม” ใช้” กลยุทธ” ในการ”ข่มขวัญ” คู่แข่ง ไม่ให้ลง”แข่งขัน ด้วย”กลยุทธ”ทั้งด้าน”อิทธิพล” และ”ออดอ้อน” ขอเป็นอีกสมัย เป็น”สมัยสุดท้าย” ตาม”กฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น” ที่ไม่สามารถให้”ผู้บริหาร”ทำหน้าที่”นายกเทศบาล” ติดต่อกันตามที่กฎหมายกำหนด
ที่ “จังหวัดสงขลา” มีเทศบาลนครอยู่ 2 แห่ง คือ “เทศบาลนครหาดใหญ่” และ”เทศบาลนครสงขลา” แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เทศบาลนครสงขลา” ยังไม่ครบกำหนดการเลือกตั้ง”ฝ่ายบริหาร” มีเพียงการเลือกตั้ง”สมาชิกเทศบาล” เพียงอย่างเดียว ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ มีการเลือกตั้งตามกำหนด และมีผู้ให้ความสนใจ การเลือกตั้ง”เทศบาลนครหาดใหญ่” เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการ”เลือกตั้ง” ที่มีการ”แข่งขัน”กันถึง 4 ทีม และใน 4 ทีม เป็น”สองทีม” ที่เคยเป็น”ผู้แข่ง”เป็น”คู่ต่อสู้” ที่เคยมีการ”แข่งขัน”กันมาก่อน เมื่อ 4 ปี ที่ผ่านมา รวมทั้งผู้เป็น”หัวหน้าทีม” เป็น”เพื่อนร่วมชั้นเรียก”ใน ระดับมัธยม” เป็น”ศิษย์เก่าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย”ด้วยกัน
ทีมแรกที่เป็นอดีตผู้บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ขอ”รีเทิร์น”กลับมาเป็น” นายกเทศมนตรี”สมัยที่ 2 คือทีมของ “พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” อดีตนายตำรวจมือดี ที่เคยเป็น” ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว” คนแรก ของประเทศไทย ซึ่งได้หมายเลข 1 ในการใช้”หาเสียง” โดยใช้ชื่อ”ทีมพี่หลวงคร” มี”สโลแกน”ทำแล้ว ทำต่อ รวมพัฒนาหาดใหญ่
ทีมที่ได้หมายเลข 2 คือ”ทีมปลัดแป้น” หรือ”นายณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ”ปลัดแป้น” อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ และ”ตำแหน่งสุดท้ายคือ” ปลัดจังหวัดสงขลา” ที่เป็นที่รู้จักกันดี ของคนในพื้นที่ และเป็น “ลูกที่” เป็นคนสงขลาโดย”กำเนิด” เช่นเดียวกับ “พี่หลวงคร” ที่เป็น”คู่แข่ง” เป็น”คู่ปรับ” ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ทีมที่ 3 เป็นผู้สมัคร”หน้าใหม่” ที่เป็น”คนหนุ่ม”ที่ขอเป็น”ทางเลือกใหม่” คือนายพีรวุฒิ กีรติกานต์ วิชัยดิษฐ์ ซึ่งอาศัยการหาเสียง ด้วยการใช้”โชเชียลมีเดีย” เปิดตัวกับคนในพื้นที่มากว่า 1 ปี ซึ่งครั้งนี้ “เจ้าตัว” ก็ เชื่อว่าจะเป็น”ทางเลือก”ของคน”รุ่นใหม่” ในพื้นที่
และทีมสุดท้าย หมายเลข 4 คือ ทีมของ “พ.อ.พิเศษ สุชาติ จันทรโชติกุล” อดีต สส.พรรคความหวังใหม่ เป็นผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา เป็นอดีต”นายทหาร” ที่หันมา”เอาดีทางการเมือง” อยู่เบื้องหลังของการ”พรรคการเมือง” และ”นักการเมือง” ที่เป็นที่รู้จักกันดีใน”เครือข่ายการเมืองท้องถิ่น” และ”ระดับชาติ” ซึ่งครั้งนี้ “เสธชาติ” หมายมั่นปั้นมือ ว่าจะได้”รีเทิร์น”เป็น”นักการเมืองท้องถิ่น” ก่อนที่จะ”วางมือทางการเมือง”
เมื่อ”วิเคราะห์” ถึง”จุดอ่อน จุดแข็ง” ของทั้ง 4 ทีม จะเห็นว่า” ทีมปลัดแป้น” เป็นทีมที่”ออกสตาร์ท” ก่อนทีมอื่นๆ โดย “ทีมปลัดแป้น” ออกเดินพบปะประชาชน ขาย “ไอเดีย” ในการ”พัฒนาเมืองหาดใหญ่ ก่อน ทีมอื่นๆ ทั้งหมด เรียกได้ว่า เดินหาเสียงกับ “ประชาชน” จน”เปลี่ยนรองเท้า”ไปแล้วหลายคู่ และมีการ”ประกาศทีมบริหาร” ที่ชัดเจน ที่”จุดอ่อน”คือ” สมาชิกสภา” หรือ”ลูกทีม” ยังไม่”โดดเด่น” เท่าที่ควร
ส่วน “ทีมพี่หลวงคร” แม้จะ”สงบอยู่ในที่ตั้ง” ไม่มีการ”เคลื่อนไหว”ในขณะที่ยัง” อยู่ในตำแหน่ง” แต่มีการ”วางแผน” ในการเลือกตั้งครั้งใหม่มาโดยตลอด มี”ทีมงาน” ที่เป็น”นักการเมืองระดับชาติ” ให้การ สนับสนุน และมี"จุดแข็ง” ในด้านที่เป็น”ผู้บริหาร” ที่ “เกาะกุมกลไก”ของ”อำนาจรัฐ” และความพร้อมใน”ปัจจัย” อื่นๆ รวมทั้ง”ลูกทีม” ค่อนข้างจะ”โดดเด่น” กว่าทุกทีม
ดังนั้นใน 4 ทีม ที่มีการ”แข่งขัน” เพื่อไปสู่”เส้นชัย” ของการเป็น”ผู้บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่” ที่มี”งบประมาณเกือบ 2,000 ล้าน ประชาชนให้ความ”สนใจ” และ”เกาะติด” การ”แข่งขัน” ระหว่าง”ทีมพี่หลวงคร” กับ”ทีมปลัดแป้น” เพราะเคยเป็น”คู่แข่ง” ในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปี ที่ผ่านมา เพราะเป็นการ”แข่งขัน” ที่”สูสี” และ”ทุ่มเท” การ”หาเสียง” อย่างเต็ม”คาราเบล”
แต่ อย่างไรก็ตาม ก็”ประมาท” ทีมของ”เสธชาติ” ไม่ได้เช่นกัน เพราะ”เสธชาติ” ก็มี”ฐานคะแนนเสียง” ใน”เขตเทศบาลนครหาดใหญ่” พอสมควร และในการเลือกตั้งครั้งนี้”เสธชาติ” มีผู้สนับสนุน ไม่ใช่”ตะเกียงขาดน้ำมัน” เช่นเดียวกับ”บ่าวพี” หรือ”นายพีรวุฒิ กีรติกานต์ วิชัยดิษฐ์” ที่อาศัยความเป็น”คนรุ่นใหม่” นำเสนอ แนวทาง การ พัฒนาเมือง ที่อาจจะถูกใจ ประชาชน เพื่อเป็น”ทางเลือก” ของ”ประชาชน” ใน”เขตเทศบาลเมืองหาดใหญ่” ที่”เบื่อหน่าย” กับ”นักการเมืองรุ่นเก่า” ก็ เป็นไปได้ทั้งสิ้น
วันที่ 11 พฤษภาคม จึงเป็นวันที่”ชี้ชะตา” ทั้งกับ”ผู้สมัคร” ทั้ง 4 ทีม และ ยังเป็นการ”ชี้ชะตา”ของคน”หาดใหญ่” ที่จะต้อง ตัดสินใจ ในการเลือก ผู้บริหารท้องถิ่นแห่งนี้ ถ้า “เลือกผิด” ต้องรออีก 4 ปี จะมีโอกาส”แก้ตัว” แต่ถ้า”เลือกถูก” ความ เจริญ ก็จะเกิดกับ”เทศบาลนครหาดใหญ่ ดังนั้น ก่อนที่จะ”หย่อนบัตรเลือกตั้ง จะ เลือกใคร เลือกทีมไหน ” ต้องคิดให้”รอบคอบ” อย่าให้เงิน 500-1,000 บาท กลายเป็นเครื่อง”พันธนาการ” ถ่วงรั้งการ พัฒนาเทศบาลนครหาดใหญ่” และเปิดโอกาสให้”นักกินเมือง” ใช้ เป็นที่”แสวงหาผลประโยชน์” จาก”เงินภาษีของประชาชน”
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หสดใหญ่ จ.สงขลา