Health & Beauty
IMCAS Asia 2025 เปิดยิ่งใหญ่ในไทย รวมพล3พันแพทย์จาก40ประเทศทั่วโลก

กรุงเทพฯ-IMCAS Asia 2025 เปิดงานด้วยพลังแห่งนวัตกรรมความงามจุดพลุ Medical Tourism ไทย!รวมพล 3,000 แพทย์จาก 40 ประเทศทั่วโลก ร่วมประชุม “Soft Power ไทย” ร่วมปักหมุดไทยเป็น MedicalHub แห่งเอเชีย พร้อมผนึกกำลังพลังความร่วมมือรัฐมนตรี-ผู้ว่าททท.-คณะกรรมการ Soft Power และสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ ร่วมกันเปิดเวที “IMCAS Asia 2025” เมื่อศาสตร์ความงามกลายเป็น Soft Power ตัวใหม่ของไทย...งานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่คือกลไกเศรษฐกิจระดับชาติที่ทั่วโลกจับตามอง
วันที่ 6 มิถุนายน 2568โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก : ประเทศไทยตอกย้ำสถานะ “Medical Hub of Asia” ด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ IMCAS Asia 2025 ณ โรงแรมดิ แอทธินี กรุงเทพฯ ซึ่งปีนี้ได้รับเกียรติจากนายสรวงศ์ เทียนทองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนา Soft Power แห่งชาติและรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรีและนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ(THAICOSDERM) ในฐานะเจ้าภาพร่วมทางวิชาการ นำโดย ผศ.พญ.สุวิรากร ธรรมศักดิ์นายกสมาคมฯ,นพ.ไพศาล รัมณีย์ธรประธานการจัดงานกรรมการฝ่ายวิชาการ IMCAS และกรรมการบริหาร สมาคมฯและ ดร.พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา –ประธานการจัดงาน กรรมการฝ่ายวิชาการ IMCAS และเลขาธิการสมาคมฯ ร่วมผลักดันให้แพทย์ไทยและนวัตกรรมด้านความงามของไทยก้าวสู่เวทีโลกด้วยผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คนจาก 40 กว่าประเทศซึ่งการจัดงานในครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของนานาชาติและบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านเวชศาสตร์ความงามของเอเชีย ภายใต้แนวคิด“Together, We Rise: Shaping the Future of Global Aesthetics from Asia.”
นายสรวงศ์ เทียนทองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติ IMCAS Asia 2025 อย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่าโดยการเปิดงานในครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำคัญของเวทีระดับโลกดังกล่าวเท่านั้น หากยังเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์และความงามให้เป็น Soft Power ด้านสุขภาพของประเทศไทย พร้อมผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลาง Medical Tourism แห่งเอเชีย โดยงานประชุม IMCAS Asia 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–8 มิถุนายน 2568 นับเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ความงามจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน จากทั้งระบบ Onsite และ Online (Hybrid Conference) พร้อมการจัดแสดงเครื่องมือแพทย์กว่า 119 บูธ และมีวิทยากรจากนานาประเทศกว่า 249 คน ร่วมอัพเดทองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมล่าสุดในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนา Soft Power แห่งชาติและรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นเวทีระดับโลก ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ความงามจากทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมล้ำสมัยในด้านความงามและสุขภาพ การมีส่วนร่วมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สะท้อนถึงนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางด้านสุขภาพและความงามในระดับภูมิภาคและระดับโลกเมื่อศาสตร์ความงามกลายเป็น Soft Power ตัวใหม่ของไทยซึ่งจะไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องของความงามเท่านั้น แต่คือการผลักดันกลไกเศรษฐกิจระดับชาติให้ทั่วโลกจับตาSoft Power ไทยให้เหมือนกับการค้นพบด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ สุขภาพและเทคโนโลยีความงามเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับภูมิภาค เน้นคุณภาพส่งออก ตอกย้ำจุดแข็งของไทยด้านนวัตกรรมเวชศาสตร์ฟื้นฟู ความเชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามแบบมีรากฐานทางวิชาการ
“IMCAS Asia2025 ไม่ใช่เพียงแค่งานประชุมทางการแพทย์ แต่เป็นสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างศาสตร์แห่งความงามกับเศรษฐกิจของชาติ ผ่านการส่งเสริม Medical Wellness และบริการสุขภาพระดับพรีเมียมที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย” นพ.สุรพงษ์กล่าวและว่า นอกจากการสัมมนาวิชาการจากวิทยากรระดับโลกแล้ว งานนี้ยังเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของผู้ให้บริการด้านสุขภาพไทยต่อสายตานานาชาติ สร้างโอกาสให้กับแพทย์ไทยและผู้ประกอบการในการร่วมมือทางธุรกิจ รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาบริการความงามและสุขภาพที่ได้มาตรฐานระดับสากล
ด้านผศ.พญ.สุวิรากร ธรรมศักดิ์ นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ ร่วมด้วย นพ.ไพศาล รัมณีย์ธรประธานการจัดงานกรรมการฝ่ายวิชาการ IMCAS และกรรมการบริหาร สมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ และดร.พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา ประธานการจัดงาน กรรมการฝ่ายวิชาการ IMCAS และเลขาธิการ สมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณกล่าวว่างานประชุมนี้ ทางสมาคมฯได้ร่วมกับอิมคาส IMCAS(International Master Course on Aging Science) ซึ่งเป็นองค์กรจัดงานประชุมระดับโลกด้านการแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์พลาสติก เวชศาสตร์ความงาม และฟื้นฟูความเสื่อม จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการจัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติในรูปแบบ World Congress ทุกปีที่ประเทศฝรั่งเศส ที่มีผู้เข้าร่วมประชุมมากสูงสุดเป็นอันดับต้นๆของโลก มีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังได้มีการจัดการประชุมในประเทศต่างๆในเอเชีย โดยประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่ได้รับเลือกให้เป็นศูนย์กลางการจัดงานในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งในปีนี้ได้มีการจัดงานร่วมกับอิมคาส IMCASเป็นปีที่ 7 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากที่ต่างๆทั่วโลกแบบไฮบริด hybrid(แบบ onsite และ online) 3,000 คน การจัดแสดงเครื่องมือทางการแพทย์ที่มาจากทั่วโลก 119 บูธและมีจำนวนผู้บรรยายที่มาจากประเทศต่างๆทั่วโลกถึง 249 คนโดยไฮไลต์ของงาน ประกอบด้วย
1.การจัดกิจกรรมเวิร์กชอปแสดงสดการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์โดยเชื่อมโยงกับการสอนด้านกายวิภาคผ่านการถ่ายทอดสดจากโรงเรียนแพทย์ประเทศฝรั่งเศส2. การอัพเดทการรักษาทั้งแบบผ่าตัด (ศัลยกรรมจมูก, เสริมหน้าอก, ดูดไขมัน ฯลฯ) และแบบไม่ผ่าตัด (เลเซอร์, ร้อยไหม เป็นต้น) 3.เทคโนโลยีอัลตราซาวด์มุมมองใหม่เพื่อความแม่นยำ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในการรักษา การศัลยกรรมไปจนถึงการวินิจฉัยผิวอย่างชาญฉลาด เซ็กชั่นเหล่านี้ครอบคลุมทุกแง่มุม โดยอัลตราซาวด์กำลังมีบทบาทอย่างมากในวงการผิวหนังและการศัลยกรรม3.การอัพเดทอนาคตของเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) เช่น การรักษาด้วยเซลล์, ยีน และเอ็กโซโซมและ 4. การส่งเสริมมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ตามแนวทางGMP PIC/Sเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้รับบริการ
“IMCAS Asia ไม่ใช่เพียงงานประชุมทางการแพทย์ แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจไทยผ่านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแสดงศักยภาพของแพทย์ไทย และยกระดับความรู้สู่ระดับสากล” การจัดงานในครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และบริการสุขภาพให้สามารถยกระดับคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก ตอบรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มองหาบริการความงามและการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรในประเทศไทย”