Authority & Harm
ช่วยคุณยายนกแก้วไร้บัตรไร้สิทธิ์รักษาช้า ตามืดหลวงพี่น้ำฝนพ้อพบกันสายไป

นครปฐม-หลวงพี่น้ำฝน เข้าเยี่ยมและให้การช่วยเหลือคุณยายนกแก้ว วัย 70 ปี โดยพบดวงตาสองข้างมองไม่เห็น อาศัยอยู่กับลูกชายคนขับรถเก็บขยะ ในเพิงพักริมบ่อเลี้ยงปลา อึ้งเจ้าตัวไร้บัตรประจำตัวประชาชน ไม่เคยได้รับสิทธิจากหน่วยงานรัฐ พบเรื่องราวซับซ้อนดั่งนิยาย ชีวิตนับวันแค่รอหมดลมหายใจ โชคยังพอมีลูกชายที่ไม่เคยได้เลี้ยงดูรับมาดูแลในบั้นปลายของชีวิต โดยหลวงพี่น้ำฝนเร่งพาตรวจตาพบเป็นต้อหินยากรักษาบอกเสียดายมาเจอกันช้าไป เบื้องต้นประสานนายอำเภอเมืองนครปฐม สืบค้าข้อมูลระบุให้ชัดเพื่อขอรับบัตรประจำตัวประชาชนใบแรกในชีวิต เพื่อรับสิทธิที่ประชาชนต้องได้รับ
พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม รับแจ้งว่ามีหญิงชรา มีปัญหาทางการมองเห็นและต้องการเข้ารับการรักษาตัวอย่างเร่งด่วน แต่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน โดยอาศัยอยู่กับลูกชาย เพียงลำพัง ภายในเพิงพักริมบ่อเลี้ยงปลา เลขที่ 6 ม.5 ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม จึงได้นำคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ไปสำรวจข้อมูล เพื่อนำข้าวสาร อาหารแห้งและเครื่องใช้ที่จำเป็น ไปมอบให้และได้พบกับ คุณยายนกแก้ว จุ้ยเจริญ อายุ70 ปี นั่งเหม่ออยู่ในเพิงพัก โดยมี นายพัฒนะ จุ้ยเจริญ หรือโต้ง อายุ 50 ปี ลูกจ้างตำแหน่งพนักงานขับรถเก็บขยะ กำลังจัดพื้นที่บ้านสำหรับทำเป็นที่สำหรับให้แม่ใช้ชีวิตนบั้นปลายช่วงที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างมองไม่เห็น
โดยหลวงพี่น้ำฝน ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากคุณยายนกแก้ว ได้บอกว่า ตอนนี้ตนเองมีสภาวะคือดวงตาทั้ง 2 ข้างมองไม่เห็น มีอาการ คือช่วงกลางวันจะมองเห็นเป็นแสงสีขาวไปหมดและไม่เห็นรูปร่างหรือสีของวัตถุ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้รับการรักษาเพราะไม่มีเงินและไม่เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่เด็ก เคยให้ลูกชายไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถทำได้เพราะเอกสารไม่เพียงพอ มีเพียงใบสุทธิที่เคยเรียนจบชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดเกาะวังไทร ในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐมเพียงใบเดียวเท่านั้น และไม่มีญาติที่จะไปสืบพยานได้หลงเหลือแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจรอวันให้หมดลมหายใจ เพราะไม่มีทรัพย์สิน ทำงานไม่ได้ และยิ่งมองไม่เห็นก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร
คุณยายนกแก้ว เล่าว่าตั้งแต่เล็กตนเองก็ได้อยู่กับพ่อและแม่ในตัวเมืองนครปฐม เมื่อเรียนจบป.6 ก็ออกไปรับจ้างทำงาน จนกระทั่งไปได้สามีและมีลูกด้วยกันโดยได้กลับมาที่บ้านและได้นำลูกชายที่เพิ่งคลอดกลับมาด้วย ซึ่งเมื่อพ่อกับแม่เห็นหลานก็ดีใจมาก และตนเองก็ยังคงออกไปหางานทำหลายอย่างจนกระทั่งเลิกกับสามีคนแรกไป โดยได้ฝากให้นายพัฒนะ หรือโต้ง อยู่กับตายายมาตั้งแต่แบเบาะ ซึ่งเขาก็เรียกตากับยายว่า พ่อและแม่มาตลอด ไม่นานตนเองก็ได้ย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่ อำเภอนครชัยศรี และไปทำงานาเลี้ยงตัวเองได้การเก็บขวดขายเพื่อเลี้ยงชีพ และได้ถูกรถมาชนครั้งหนึ่ง สักพักดวงตาก็เริ่มมองพร่ามัว แต่ก็ไม่เคยได้ไปรักษาและการมองเห็นก็หายไปเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็น
" ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยได้ไปทำบัตรอะไรเพราะแม่ไม่ค่อยชอบเด็กผู้หญิงเขาก็จะตีเราตลอดจนเราขอออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง เคยคิดจะทำบัตรก็ไปตามหาอดีตผู้ใหญ่บ้านที่เคยทราบข้อมูลของเราให้เป็นพยานแต่เขาก็ตายไปแล้ว ตอนนี้พ่อกับแม่ก็ตายหมด พี่น้องก็ไม่มีฉันก็เลยปล่อยตามเลยไม่เคยได้ทำบัตรอีกเลย และช่วงหลังที่เริ่มมองไม่เห็น สามีก็บอกว่าเขาดูแลเราไม่ไหวก็อยากจะให้มีคนดูแลและได้พามาส่งลูกชาย ซึ่งเขาก็รับดูแลและพยายามจะพาไปหาหมอเพื่อให้ตรวจตา แต่เราไม่มีบัตรก็ไปหาหมอไม่ได้เงินก็ไม่มี ก็เลยปล่อยไปวันนี้ก็รอให้มันจบและอยู่ไปก็เหมือนรอความตายไปเท่านั้นก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว" คุณยายนกแก้ว เล่าประวัติให้ฟัง
ด้าน นายพัฒนะ หรือโต้ง ลูกชาย บอกว่า ประมาณ 1 ปี แล้วที่สามีของแม่ นำเขามาส่งให้ผม พอมาถึงดวงตาก็มองไม่เห็นแล้ว ซึ่งผมก็ยินดีที่จะดูแลแม่ต่อแม้ว่าแม่ยังไม่เคยได้อยู่กับตนเองมาก่อน และตอนเด็กๆก็อยู่กับตาและยาย ซึ่งก็คิดว่าเขาเป็นพ่อแม่มาตลอด จนกระทั่งมาทราบตอนหลังว่า เจ๊นกแก้ว ที่ตนเองเรียกและคิดว่าเป็นพี่สาวมาโดยตลอด ที่แท้เป็นแม่ของตัวเอง ซึ่งก็ยังงงๆ โดยหลังจากรับแม่มาอยู่ด้วยผมก็ได้พามาที่บ่อเลี้ยงปลาซึ่งมีคนจ้างให้ผมมาดูแลบ่อให้ ผมก็เลยสร้างเพิงพักมาให้แม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้ดูแลกันใกล้ชิด แต่ปัญหาผมก็คือช่วงค่ำต้องออกไปทำงานและกลับมากลางดึกช่วงนั้นเขาจะต้องอยู่คนเดียวช่วงหนึ่งซึ่งก็ต้องปรับตัวกันทั้งคู่
นายพัฒนะ หรือโต้ง เล่าว่า ตนเองพยายามที่จะพาแม่ไปรักษา สอบถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะแม่ไม่เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนมาตั้งแต่เกิด ผมก็เอาใบสุทธิของแม่ไปสอบถามหน่วยงานก็ตอบว่าหลักฐานน้อยไปไม่สามารถทำบัตรได้ ทำให้ผมไม่สามารถพาแม่ไปหาหมอได้ และอยากให้เขาได้รับการรักษาให้ไว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กระทั่งมาพบกับศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝนและเล่าเรื่องราวให้ฟัง ไม่คิดว่าเขาจะไปบอกหลวงพี่น้ำฝน จู่ๆท่านมาหาที่บ่อปลา ผมก็ตกใจ และเมื่อมาถึงการช่วยเหลือประสานงานต่างๆ ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและท่านก็เดินเรื่องเองทั้งหมด ไม่ว่าจะพาไปที่ว่าการอำเภอเมืองนครปฐม เพื่อไปทำเอกสารเดินเรื่องในการสืบหาข้อมูลในการค้นประวัติและไปแจ้งข้อเก็บข้อมูลทางพันธุกรรมที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีศิษย์ใจบุญของท่านช่วยออกค่าใช้จ่ายให้หรือจะออกค่าใช้จ่ายในการตรวจดวงตาให้กับแม่ผมทันทีทั้ง ๆที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน
"ผมพร้อมรับแม่มาดูแลถึงครอบครัวใหม่เขาจะดูไม่ไหว และไม่เคยคิดน้อยใจว่าเขาไม่เคยเลี้ยงเรามา ผมคิดว่าผมพร้อมดูแลเขาอย่างน้อยเขาก็ให้ชีวิตผมมาแล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าผมมาพบกับหลวงพี่น้ำฝนท่านก่อนหน้านี้ ดวงตาของแม่ผมน่าจะมีโอกาสเห็นเพราะน่าจะรักษาต้อหินได้ทัน แต่วันนี้ท่านมาช่วยแบบนี้ผมรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่ท่านเมตตาผมกับแม่ และตัวจริงท่านก็ใจดีมาก ผมก็ยึดถือความกตัญญูแบบที่หลวงพี่ท่านได้สอนไว้ในเพจทุกวัน ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาให้ท่านช่วยเหมือนคนที่ผมดูจากข่าวและโซเชียล" นายพัฒนะ หรือโต้งกล่าวปิดท้าย
ด้านหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า กรณีของคุณยายนกแก้ว ศิษย์ของอาตมาซึ่งเป็น อสม.ในพื้นที่ ได้มาแจ้งให้ทราบข้อมูล ช่วงนั้นพอดีมีช่วงเวลาว่างจากกิจที่เคยปฏิบัติก็ได้เข้าไปเยี่ยมดู พบว่าเป็นเคสที่น่าสงสารเพราะดวงตาของคุณยายนกแก้วมองไม่เห็นและไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จึงได้ประสานไปยัง ดร.อภิชา ไชยพรชลิดา นายอำเภอเมืองนครปฐม เพื่อสอบถามและหารือความเป็นไปได้ซึ่งท่านก็ได้มอบหมายประสานให้ นางนฤมล โพธิ์ทองนาค ปลัดอำเภอ ช่วยประสานการติดตามเอกสารและหาข้อมูลที่ชัดเจนเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้คุณยายนกแก้ว ได้มีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งถือว่ายากเพราะมีเอกสารเพียงใบเดียวโดยได้มีการสืบหาพยานบุคคลที่เชื่อถือได้มายืนยัน แต่ก็พบความยุ่งยากเพราะเอกสารที่ทำเรื่องครั้งแรก นายพัฒนะหรือโต้ง ได้ให้ข้อมูลว่า บิดา มารดา หรือตากับยายและคุณยายนกแก้ว เป็นพี่สาว แต่ความเป็นจริงคือแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในการสอบข้อมูล อย่างละเอียด
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า หลังจากที่ทำเรื่องตรวขสอบประวัติความเป็นคนไทย ก็ได้พาคุณยายนกแก้วไป เตรียมเก็บข้อมูลทางพันธุกรรม โดยได้พาไปที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีโยมสมชาติ สาลีพัฒนา หรือเจ้าสัวเงี๊ยบ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้และไปที่โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อทำการตรวจดวงตา โดยแพทย์ได้แจ้งว่า ดวงตาของคุณยายนกแก้วเป็นต้อหินทั้ง 2 ข้างเข้าข่ายเป็นผู้พิการทางสายตา ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ได้มาพบกันช้าไป ถ้ามาเจอกันเร็วกว่านี้อาตมาเชื่อว่าจะรักษาให้หายและกลับมามองเห็นได้เหมือนการช่วยเหลือคุณยายห้อง ในพื้นที่ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม ที่เคยเป็นแบบเดียวกันแต่มาพบกันไว ทำให้มีการช่วยเหลือได้ทันเวลา ตอนนี้ก็กลับมามองเห็นได้แล้ว
" อาตมาเสียดายที่เรามาพบกันช้าเกินไป เสียดายโอกาสที่คุณยายจะได้ใช้ชีวิตที่มีดวงตาพอเห็นและช่วยตัวเองได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็จะรอว่าหากการสอบประวัติสืบค้นข้อมูลของคุณยายนกแก้ว หากสามารถทำบัตรประจำตัวประชาชนได้ก็ถือว่าจะได้เดินเรื่องเป็นก้าวแรกสำหรับการได้รับเบี้ยผู้สูงวัยและได้รับสิทธิในการรักษาตัวตามที่ประชาชนจะได้รับก็จะสามารถช่วยรักษาเรื่องอื่นๆได้ แต่อาตมาจะพาไปตรวจเพิ่มอีกว่าจะบรรเทาหรือทำให้มีโอกาสมากขึ้นได้ไหมและยังหวังลึกๆว่าจะพอทำได้ และตอนนี้ก็ได้ให้กำลังใจคุณยายนกแก้วในการใช้ชีวิตจากนี้ และชื่นชมลูกชายว่ามีความกตัญญูไม่ทอดทิ้งบุพการี ซึ่งเป็นความดีและเป็นสิ่งที่อาตมาสั่งสอนศิษยานุศิษย์เรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้ก็มาลุ้นว่าจะทำบัตรให้คุณยายนกแก้วได้หรือไม่ไว้ก่อน" หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย