In Global

‘ลุงโง่ย้ายภูเขา 2025’คือเทคโนโลยีจีน ปฏิวัติเหมืองปูนฯ ในไทย



ภายใต้แดดอันร้อนแรงในจังหวัดสระบุรีของประเทศไทย พื้นที่ทำเหมืองปูนซีเมนต์เต็มไปด้วยความคึกคัก รถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นเข้าออกอย่างต่อเนื่อง และการปฏิวัติทางเทคโนโลยีกำลังเกิดขึ้นแล้วอย่างเงียบๆ… 

รถบรรทุกไร้คนขับวิ่งอย่างแม่นยำ ขณะที่หน้าจอข้อมูลขนาดใหญ่ในศูนย์ควบคุมระยะไกลทำหน้าที่ควบคุมการทำงานทั่วทั้งพื้นที่แบบเรียลไทม์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฉากในภาพยนตร์หรือภาพจำลองอนาคต แต่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปี 2024

ต้นปี 2023 ทีมงานจากจีนได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหนือจริงในเหมืองแห่งนี้ของไทย พวกเขาไม่ได้มาเพื่อขุดแร่ แต่มาเพื่อภารกิจ “ย้ายภูเขา” ดั่งเรื่องเล่าของชายชราผู้โง่เขลาในนิทานพื้นบ้านจีนอันโด่งดัง และ “ผู้ย้ายภูเขา” ในครั้งนี้คือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะด้านการทำเหมืองแบบขนานยูคอน  (YUKON) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบันระบบอัตโนมัติ (Institute of Automation) และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) 

หกองค์กรผนึกกำลัง พัฒนามาตรฐานร่วมกัน
ความร่วมมือครั้งนี้เริ่มต้นจากความต้องการในการเปลี่ยนผ่านของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCG) กลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของไทยที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี เอสซีจีกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความเสี่ยง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ต่ำ จึงสนใจร ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะด้านการทำเหมืองแบบขนานยูคอนจากจีน โดยระบบนี้ขับเคลื่อนด้วยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ (AI large models) สามารถคุมกระบวนการทำเหมืองที่สำคัญได้อัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ มอบโซลูชั่นที่ครบวงจรให้กับเอสซีจีในการยกระดับการดำเนินงาน

เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากจากสำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS Innovation Cooperation Center (Bangkok)) ในปี 2022 บริษัทเอสซีจี, สถาบันระบบอัตโนมัติ ,สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน, เวย์ทัส (WAYTOUS), เอไอเอส (AIS), หัวเหว่ย (Huawei) และ อวี่ทง (Yutong) จึงได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือองค์กร และกลายเป็นรากฐานสำคัญของโครงการนี้ ที่ไม่ใช่เพียงการส่งออกเครื่องจักร แต่คือการส่งออก “สมองอัจฉริยะ” ระบบโซลูชันครบวงจรเพื่อการทำเหมืองอัตโนมัติอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม การย้าย “สมองอัจฉริยะ” จากจีนมาติดตั้งในไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ช่วงเริ่มต้นโครงการ ทีมวิศวกรจีนและไทยต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งในด้านวัฒนธรรม มาตรฐานการทำงาน และระบบเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ความล่าช้าในการสื่อสารของรถบรรทุกเหมืองเกินค่ามาตรฐา ความยากในการปรับข้อมูลฝึกสอนเอไอให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น และความขัดแย้งระหว่างกระบวนการทำงานกับตรรกะของอัลกอริธึม วิศวกรจากทั้งสองประเทศจึงต้องจัดประชุมหารือหลายครั้ง ปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ทำการจำลองสถานการณ์ และลงพื้นที่ทดสอบจริง ช่วยให้ระบบเอไอค่อยๆ ปรับจูนเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำเหมืองจริงได้อย่างแม่นยำในที่สุด

ต้นปี 2024 รถบรรทุกเหมืองแร่ไร้คนขับชุดแรกได้เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ทำเหมืองอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการเสร็จสิ้นโครงการเหมืองอัจฉริยะที่สร้างขึ้นร่วมกันระหว่างบุคลากรเทคโนโลยีจีนและทีมงานเอสซีจี โดยเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหลากหลายครั้งแรกในไทย อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ โมเดลขนาดใหญ่ และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ 

จิรพัฒน์ จันทร์เจริญสัก ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายต่างประเทศของเอสซีจี กล่าวว่าสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่แค่การอัปเกรดอุปกรณ์ แต่เป็นสมองอัจฉริยะที่สามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เทคโนโลยีเอไอของจีนได้แสดงให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้ในการสร้างเหมืองที่ปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ มีประสิทธิภาพสูง และลดการปล่อยก๊าซ

เหมืองชาญฉลาด ด้วยพลังของ “นักขุดเอไอ” และ “สมองที่อัจฉริยะที่สุด”

รถบรรทุกน้ำหนักหลายสิบตันวิ่งเข้าออกเหมืองแร่อย่างอย่างเป็นระเบียบทั้งกลางวันและกลางคืน  ขณะที่ผู้ควบคุมสามารถนั่งทำงานสบายๆ ในศูนย์ควบคุมที่เย็นฉ่ำ นี่คือภาพที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่เหมืองในจังหวัดสระบุรี ตั้แต่ระบบตรวจสอบพลังงานไปจนถึงเส้นทางขนส่ง  ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะยูคอนทำหน้าที่ประสานการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมดในเหมืองอย่างเป็นระบบ เอไอจะตัดสินใจภายในเสี้ยววินาทีโดยอ้างอิงจากข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อปรับแต่งการทำงานของรถแต่ละคันให้เหมาะสมที่สุด และทำให้ทุกวินาทีเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ไร้คนขับของอวี่ทงที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเหมืองแบบขนานอัจฉริยะยูคอนได้แปรสภาพเป็น “นักขุดเอไอ” ที่ทำงานได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รถเหล่านี้นำทางได้อย่างแม่นยำ บรรทุกและขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ รวมถึงหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ด้วยตนเอง

นวัตกรรมนี้ได้พลิกโฉมข้อจำกัดของการปฏิบัติงานแบบใช้แรงงานคนอย่างสิ้นเชิง รถแต่ละคันสามารถทำงานได้นานขึ้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมงต่อกะ ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16  ขณะเดียวกัน จำนวนแรงงานภาคสนามก็ลดลงโดยตรงถึงร้อยละ 50 ช่วยให้เหมืองประหยัดต้นทุนแรงงานได้เกือบ 1 ล้านบาทต่อปี 

ในด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมากแล้ว อัลกอริธึมการขับขี่อัตโนมัติของเอไอยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมเวลาสตาร์ตและหยุดรถ เส้นทางการวิ่ง และความเร็วในการเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมสิ้นเปลืองพลังงานที่มักเกิดจากการขับขี่ด้วยคน เช่น การเร่งเครื่องกระทันหันหรือการจอดรอโดยไม่ดับเครื่อง ส่งผลให้การใช้พลังงานโดยรวมลดลงถึงร้อยละ 20 

การดำเนินโครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว” (Bio-Circular-Green) ของไทย และได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐของไทยที่เกี่ยวข้องรวมถึงบริษัทเอกชนอย่างเอสซีจีและเอไอเอส

โครงการยังได้รับการบรรจุไว้ในคลังโครงการสาธิตของศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสูงระหว่างจีน-ไทย อันเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการขยายผลในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม ฐานโลจิสติกส์ หรือแวดวงอื่นๆ วิสัยทัศน์ความร่วมมือเพื่ออนาคต

เหมืองอัจฉริยะที่สระบุรี ถือเป็นโครงการขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกที่เทคโนโลยีเอไอของจีนได้ก้าวออกสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ทั้งยังเปิดทางสู่การขยายตลาดไปต่างประเทศ และไม่ใช่เพียงการส่งออกสินค้า แต่รวมถึงการส่งออกมาตรฐานและเทคโนโลยีแบบบูรณาการด้วย

สำนักงานนวัตกรรมและความร่วมมือ (กรุงเทพ) เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศของสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ภายใต้กรอบโครงการโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2017 ศูนย์แห่งนี้ได้ส่งเสริมและประสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและธุรกิจระหว่างประเทศกว่า 70 โครงการในไทย สร้างเม็ดเงินลงทุนโดยตรงรวมกว่า 1.8 พันล้านหยวน (ราว 8.1 พันล้านบาท) นอกจากนี้ ยังเป็นตัวกลางในการผลักดันความร่วมมือระหว่างจีนกับไทยในหลากหลายสาขา อาทิ เทคโนโลยีจุลินทรีย์ ระบบราง และเทคโนโลยีพลาสมา

ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ชั้นนำของประเทศไทย เอไอเอสมองเห็นศักยภาพมหาศาลในการต่อยอดความร่วมมือที่เริ่มต้นจากโครงการนี้ โดยอัศนี วิปัฒน์วัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของเอไอเอสกล่าวว่าโครงการของเอสซีจีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยี 5G ผสานกับเอไอมีศักยภาพสูงในการประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อน เราหวังว่าจะใช้โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการร่วมมือกับสถาบันฯ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะ นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ และอื่นๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมไทยสู่ยุคอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ

ความสำเร็จของระบบปฏิบัติการเหมืองข้างต้นเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า เทคโนโลยีเอไอของจีนสามารถก้าวข้ามพรมแดน สร้างคุณค่าหลักให้กับพันธมิตรในด้านความปลอดภัย ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

(เรียบเรียงโดย Xu Yuan with Xinhua Silk Road, https://www.xinhuathai.com/silkroad/527269_20250805 , https://en.imsilkroad.com/p/346889.html)