Travel Sport & Entertain

ภาคใต้พลิกสมการความสุขดันเศรษฐกิจ ผ่านเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้2568



ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญแรงกดดันจากวิกฤตซ้อนวิกฤต (Polycrisis) ทั้งภาวะโลกรวนความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดทางจิตใจของผู้คนในทุกช่วงวัยแนวคิด ‘ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ’ กำลังถูกตั้งคำถามอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มองความมั่นคงจากตัวเลข GDP หรือรายได้เพียงอย่างเดียวแต่หันมาให้ความสำคัญกับ ‘คุณภาพชีวิต’ ที่ดีในทุกมิติเทรนด์นี้สอดคล้องกับรายงานจาก WGSN ที่ชี้ว่า 84% ของคนอายุ 16 - 24 ปีทั่วโลกกำลังแสวงหาสถานที่ที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจอย่างแท้จริง จึงไม่น่าแปลกใจที่คำว่า ‘ความสุข’ และ ‘GWB’ (Gross Well-being) จะเริ่มมีบทบาทในฐานะตัวชี้วัดใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ

หนึ่งในภูมิภาคที่มีศักยภาพในการตอบโจทย์นี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมคือภาคใต้ของประเทศไทยที่มีองค์ประกอบพร้อมสรรพทั้งภูมิประเทศที่งดงามวัฒนธรรมอันลึกซึ้งอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นวิถีชีวิตที่หลากหลายและโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการออกแบบเศรษฐกิจใหม่กระจายอยู่ทั่ว 14 จังหวัดภูมิภาคนี้กำลังได้รับการขับเคลื่อนสู่การเป็น ‘โมเดลต้นแบบ’ ภายใต้แนวคิด ‘De-Stress Economy’ หรือ ‘เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ’โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่ใช้แนวคิด ‘ความสุข’ เป็นกลไกขับเคลื่อนผ่านการออกแบบเมืองสร้างสรรค์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงคุณภาพการสร้างประสบการณ์สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์การเยียวยาจิตใจและร่างกายพร้อมด้วยการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างแท้จริงโดยวัดความสำเร็จจากความรู้สึกปลอดภัยความสุขความสบายใจและความหวังของผู้คนควบคู่ไปกับมูลค่าทางเศรษฐกิจ

ภาคใต้: ดินแดนที่พร้อมแล้วสำหรับ De-Stress Economy เศรษฐกิจแห่งความสบายใจ

De-Stress Economy กำลังถูกนำมาทดลองใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568  หรือ Pakk Taii Design Week 2025 (PTDW2025) เทศกาลสร้างสรรค์ประจำปีของภาคใต้ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA และเครือข่ายพันธมิตรหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกลุ่มนักสร้างสรรค์และชุมชนที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม - 7 กันยายน 2568 ณ เมืองเก่าสงขลาและหาดใหญ่จังหวัดสงขลาภายใต้ธีม “South Paradise: มาใต้บายใจให้ถึงหวัน”เทศกาลฯไม่ได้เป็นเพียงเวทีจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์แต่คือสนามทดสอบ’ หรือ ‘Sandbox’ เชิงนโยบายสำหรับทดสอบแนวคิดเศรษฐกิจใหม่ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของเศรษฐกิจสุขภาวะที่นักลงทุนผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์ทั่วภูมิภาคไม่ควรมองข้าม

CEA ได้ออกแบบโมเดล ‘South Market’ และ ‘Hero Product Incubator’ เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการสร้างสรรค์จากทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ให้สามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ตลาด De-Stress Economy ได้อย่างตรงเป้าหมายโดยได้รับการสนับสนุนจาก CEA สงขลาและเครือข่ายพันธมิตรระดับภูมิภาคนอกจากนี้เทศกาลฯยังได้จัดนิทรรศการ “South De-Stress: ไขกุญแจเศรษฐกิจแห่งความสบายใจ”เพื่อสำรวจศักยภาพของ 14 จังหวัดภาคใต้ที่มีครบครันทั้งวัฒนธรรมภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมและภูมิประเทศเฉพาะถิ่นเพื่อต่อยอดสู่โอกาสทางธุรกิจที่มีเอกลักษณ์แข่งขันได้ในตลาดโลกและเติบโตอย่างยั่งยืน

4 กลุ่มโอกาสการลงทุน ‘สงบ - ผ่อนคลาย - ปลดปล่อย - ไร้กังวล’ ในเศรษฐกิจแห่งความสบายใจ (De-Stress Economy) ภาคใต้

สำหรับโมเดลนี้ทั้ง 14 จังหวัดได้ถูกจัดกลุ่มศักยภาพของเมืองให้มีความเหมาะสมกับการ ‘ใช้ชีวิต’    ‘ลงทุนและท่องเที่ยว’ ตาม ‘Emotional Value Proposition’ หรือ ‘คุณค่าทางอารมณ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาคุณภาพชีวิตครบทุกมิติไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพไลฟ์สไตล์สร้างสรรค์อุตสาหกรรมสุขภาพหรือธุรกิจเพื่อความยั่งยืนศักยภาพเหล่านี้จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ใน PTDW2025 ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วม ‘สัมผัส’ เมืองและโมเดลเศรษฐกิจแห่งความสุขได้จริงประกอบด้วย

(1)กลุ่ม ‘สงบ’ (Moment of Calm) — นครศรีธรรมราชนราธิวาสและพังงาที่เน้นธุรกิจ Wellness และการพักผ่อนจิตใจที่เชื่อมโยงกับศรัทธางานฝีมือและพลังบวก

● นครศรีธรรมราช- ‘เมืองแห่งศรัทธา’ หรือ Hip & Holyที่มีรากวัฒนธรรมและความเชื่อเข้มแข็งเหมาะกับการลงทุนด้าน Spiritual Wellness&Retreat และงานคราฟต์ร่วมสมัยโดยเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับประสบการณ์อย่างลึกซึ้งพบกับนิทรรศการ“5 บุญ + 1 มู”ความสุก(สุข)สว่าง ณ กลางใจ,ผลงานศิลปะการแสดง Performance Art รวมถึงแสงสีและเสียงแห่งศรัทธา

● นราธิวาส- ‘เมืองชายแดนพหุวัฒนธรรม’ที่โดดเด่นด้วยศิลปะเรือกออันวิจิตรจังหวัดนี้เหมาะกับการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยและอุตสาหกรรมฮาลาล ที่ส่งเสริมกระบวนการซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจชายแดนพบกับ “Ask Yourself to Narathiwat Beyond”เวทีเสวนาที่ชวนผู้เข้าร่วมสำรวจศิลปะตัวตนและวิถีชีวิตของเมืองชายแดนอย่างลึกซึ้ง, นิทรรศการภาพถ่าย “DIALOGUE” Ask Yourself to Buildings, Rivers, Boats, Forests, Mountains, Sea, and Sky ที่ชวนสำรวจและตั้งคำถามถึงมุมมองใหม่หลากมิติที่มีต่อจังหวัดนราธิวาส

● พังงา- ‘จุดหมายใหม่ของ Wellness Economic Corridor ฝั่งอันดามัน’ ด้วยภูมิประเทศที่เอื้อต่อธุรกิจ Healing & Aura Economy พังงาจึงเหมาะสำหรับกลุ่ม Medical & Wellness Tourism ที่มีครบทั้งสปาโยคะเสียงบำบัดและสมุนไพรโดยถ่ายทอดศักยภาพนี้ผ่านนิทรรศการเชิงประสบการณ์  “เจริญอ่านเภสัชร้านหนังสือบำบัดใจ” จากเภสัชกรหนังสืออารมณ์ดีที่ผสานการบำบัดใจเข้ากับพลังของเรื่องเล่าและการอ่าน พร้อมด้วยกิจกรรมฮีลใจและกายต่าง ๆ เช่นโยคะ, Sound Healing ฯลฯ

(2) กลุ่ม ‘ผ่อนคลาย’ (The Art of Relaxing) — ยะลาตรังพัทลุงและภูเก็ตที่เน้นธุรกิจไลฟ์สไตล์แฟชั่นอาหารที่เชื่อมรากวัฒนธรรมเข้ากับการเล่าเรื่องใหม่

● ยะลา- ‘ศูนย์กลางแฟชั่นมุสลิม’ (Hub for Muslim Fashion)ที่มีอุตสาหกรรมสิ่งทอมุสลิมครบวงจร พร้อมต่อยอดสู่การสร้างแบรนด์แฟชั่นมลายูและสินค้าแฟชั่นที่ผสานเทคโนโลยี (Fashion-Tech Items) เพื่อส่งออกสู่ตลาดมุสลิมระดับภูมิภาคความโดดเด่นนี้ถ่ายทอดผ่านนิทรรศการ “NAYU COUTURE” ที่นำเสนอเสน่ห์และอัตลักษณ์แฟชั่นมุสลิมร่วมสมัยบนรันเวย์, กิจกรรมแฟชั่นโชว์รวมทั้งเสวนาและเวิร์กช็อปเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่

● ตรัง- ‘เมืองวัฒนธรรมอาหารหลากหลายเชื้อชาติ’ เหมาะสำหรับธุรกิจ Gastronomy และสร้างแบรนด์อาหาร Food & Root ที่ใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นในการถ่ายทอดเรื่องราวบนจานอาหารตรังนำเสนอนิทรรศการ “ตรังโอชา – ลิ้มรสตรัง” ที่จะพาผู้ร่วมงานมาสัมผัสรสชาติและเรื่องเล่าอันลึกซึ้งของอาหารตรังในแต่ละมื้อ

● พัทลุง- โดดเด่นด้วย ‘เกษตรพื้นถิ่น’ ในแนวทาง BCG Economyโดยเฉพาะพันธุ์ข้าวที่มีศักยภาพเพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพความงามและอาหารเฉพาะกลุ่มภายใต้แนวคิด Rice and Growth ที่มุ่งสร้าง Local Lab ทดลองสินค้าเกษตรเชิงสร้างสรรค์พัทลุงนำเสนอสินทรัพย์ทรงคุณค่านี้ผ่านนิทรรศการ “ทำ RICE – ทำไหร๊?” ที่เปิดมุมมองใหม่ให้ผู้ร่วมงานได้เห็นเรื่องราวและความสำคัญของข้าว ตั้งแต่รากในพื้นที่จนถึงเวทีระดับโลก

● ภูเก็ต- จากเมืองท่องเที่ยวสู่ ‘ศูนย์กลางการประชุม-ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness MICE) และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์’เพื่อการพักผ่อน (Glocal Rehabilitation Space) เหมาะกับตลาด Digital Nomad และผู้สูงวัยชาวต่างชาติที่ต้องการการพักผ่อนระดับสากลควบคู่กับคุณภาพชีวิตโดยนำเสนอนิทรรศการและกิจกรรมที่ชวนทุกคนมาร่วมกันตั้งคำถามกับ ‘ภูเก็ต’ ถึงความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากมุมมองอันหลากหลาย

(3) กลุ่ม ‘ปลดปล่อย’ (Place of Energize) — กระบี่สงขลาและสุราษฎร์ธานีธุรกิจเปิดประสบการณ์ครีเอทีฟเพื่อรองรับหลากหลายเจเนอเรชัน

● กระบี่ - ดินแดนที่เต็มไปด้วย ‘แหล่งธรรมชาติและประวัติศาสตร์ดึกดำบรรพ์’เหมาะแก่การลงทุนด้านธุรกิจ Edutainment, Geo-Tourism และกิจกรรมเชิงเรียนรู้พร้อมถ่ายทอดศักยภาพนี้ผ่านนิทรรศการ “Cave Calls – บันทึกพันปีที่รอการค้นพบ” ที่ชวนผู้ร่วมงานสำรวจความมหัศจรรย์ใต้พิภพและเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในชั้นหิน รวมถึงการตั้งคำถามที่ผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อปลุกแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกวัย

● สงขลา - ‘เมืองเชื่อมต่อ’ ทางวัฒนธรรมและธุรกิจสร้างสรรค์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานของย่านเมืองเก่าพิพิธภัณฑ์และเครือข่ายศิลปินร่วมสมัยพร้อมรองรับธุรกิจ Co-Creation Space, Design Retail และ Event ซึ่งจะนำเสนอจิตวิญญาณของเมืองจังหวัดนำเสนอ “Mermaid Song.exe -ไฟล์เพลงเงือก” ผลงานที่บันทึกและส่งต่อเสียงสะท้อนของคนสงขลาจากหลายเจเนอเรชัน

● สุราษฎร์ธานี - จุดหมายแห่ง ‘เทศกาล-ความบันเทิง’ที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจ Beach Festival, Music Culture และSportainmentไม่ว่าจะที่เกาะสมุยเกาะพะงันและเกาะเต่าผู้มาเยือนจะได้ปลดปล่อยอารมณ์ดื่มด่ำความสนุกภายใต้แนวคิด Fancy & Party Me จังหวัดพร้อมถ่ายทอดบรรยากาศนี้ด้วยMusic Festival และ Creative Event ที่รวมศิลปินท้องถิ่นและนานาชาติ, ศิลปะจัดวางสร้างสรรค์จากวัสดุรีไซเคิลและธรรมชาติ, เวิร์กช็อปและโซนสำหรับเด็กเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้มาปล่อยจอยสร้างสีสันและปลดปล่อยพลังสร้างสรรค์ของชาวเกาะ

(4) กลุ่ม ‘ไร้กังวล’ (Stage of Worry-Free) - ชุมพรระนองสตูลและปัตตานี กลุ่มจังหวัดที่เหมาะกับธุรกิจที่เปิดรับแรงบันดาลใจแบบมินิมอลและพลังสร้างสรรค์ในทุกมิติ

● ชุมพร- เมืองชายฝั่งที่โดดเด่นด้าน ‘Blue Economy และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ระบบนิเวศใต้ทะเล’ ด้วยแนวคิด Listening to the Deep Ocean เหมาะสำหรับการพัฒนา Immersive Soundscape Experience และโปรเจ็กต์วิจัย-ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนซึ่งจะถ่ายทอดผ่านนิทรรศการเสียง “ล่องเสียงเล” พร้อมด้วยเวิร์กช็อป “เสียงสร้างสรรค์จากทะเล” ที่ชวนผู้เข้าร่วมมาสำรวจฟังและสร้างเสียงบำบัดใจจากทะเลจริง

● ระนอง- ‘เมืองแห่ง Slow Life, Forest Bathing และ Wellness Retreat’ ที่มาพร้อมโครงสร้างเชื่อมเศรษฐกิจสองฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่เอื้อต่อการเป็นฐาน Eco-City ฝั่งตะวันตกระนองนำเสนอนิทรรศการ“แรร์นอง” ในรูปแบบ Immersive Experience ที่ให้ผู้เข้าชมได้ดื่มด่ำความสบายใจไร้กังวลแบบสุดแรร์และบรรยากาศเมืองฝนตลอดปี

● สตูล- ‘อุทยานธรณีโลกที่มีวิถีประมงพื้นบ้านเข้มแข็ง’เหมาะกับการต่อยอดสู่ธุรกิจอาหารแปรรูปเชิงอนุรักษ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแพลตฟอร์ม Food Security เพื่อเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ยั่งยืนสัมผัสได้จากนิทรรศการ “สตูล ‘ปลา’ณีต” (Satun Folk & Fine) การทำประมงพื้นบ้านของชาวสตูลที่มีการนำเสนอในรูปแบบสร้างสรรค์พร้อมด้วยกิจกรรม One Day Trip ที่จะทำให้ทุกคนได้ใกล้ชิดกับชุมชนและธรรมชาติ

● ปัตตานี- ‘ศูนย์กลางนวัตกรรมด้าน Climate Tech และ Circular Economy’ เหมาะกับธุรกิจ Green Startup, Eco-Innovation และศูนย์การเรียนรู้รับมือภัยพิบัติในระดับภูมิภาคจังหวัดพร้อมถ่ายทอดแนวคิดผ่านเสวนา “การอยู่ร่วมในปัจจุบันสิ่งแวดล้อมและวัสดุทดแทน” ที่จุดประกายทิศทางธุรกิจและสังคมสู่อนาคตที่ยั่งยืนพร้อมก้าวสู่อนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและนิทรรศการ “WAQAF – พื้นที่เพื่อการอยู่ร่วมสมัย” โมเดลการออกแบบพื้นที่สาธารณะเพื่อสร้างสมดุลระหว่างวัฒนธรรมทรัพยากรและมนุษย์

ทั้ง 4 กลุ่มนี้สะท้อนจุดแข็งเชิงภูมิศาสตร์วัฒนธรรมและโครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้ที่สามารถดึงดูดการลงทุนด้านตลาดอุตสาหกรรมสุขภาวะ (Wellness Economy) รายงานจาก Global Wellness Institute ระบุว่ามูลค่ารวมของตลาดนี้ทั่วโลกในปี 2024 มีมูลค่ากว่า 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและกำลังเติบโตต่อเนื่องที่อัตราเฉลี่ย 8.6% ต่อปีโดยเฉพาะกลุ่ม Wellness Tourism, Mental Wellness และ Creative Experience 

เทศกาลฯจึงไม่ได้เป็นเพียงงานเทศกาลสร้างสรรค์แต่คือ ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ สำหรับนักลงทุนผู้ประกอบการนักสร้างสรรค์ในการพัฒนา Pilot Project เพื่อค้นหาและต่อยอด Talent ใหม่ในท้องถิ่นพร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือเชิงนโยบายกับภาครัฐ และการลงทุนในพื้นที่ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม โดยนำเสนอโปรแกรมหลากหลายรูปแบบเช่นนิทรรศการ, ศิลปะการแสดง, เวทีเสวนาและเวิร์กช็อป, ตลาดสร้างสรรค์ฯลฯ“In the next economy, wellbeing is the new era”เพราะเศรษฐกิจยุคถัดไป  ‘ความอยู่ดีมีสุข’ จะกลายเป็นคุณค่าใหม่ที่ทรงพลังมาร่วมสัมผัสซอฟต์พาวเวอร์แห่งความสุขที่จะกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 ในเทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568 หรือ Pakk Taii Design Week 2025 (PTDW2025) ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม - 7 กันยายน 2568 ตั้งแต่เวลา 11.00 - 21.00 น. ณ ย่านเมืองเก่าสงขลาและหาดใหญ่จังหวัดสงขลาเพื่อค้นพบศักยภาพใหม่ของ 14 จังหวัดภาคใต้ในมุมที่คุณอาจไม่เคยสัมผัสมาก่อนพร้อมค้นหาคำตอบว่าสมการความสุขของ “South Paradise มาใต้บายใจให้ถึงหวัน” ในแบบฉบับของคุณเป็นอย่างไร