Authority & Harm
สภาทนายความค้านเปิดเสรีธุรกิจบริการ ด้านกฎหมายในข้อตกลงการค้าเสรียูโรป

กรุงเทพฯ-เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า สภาทนายความขอแสดงจุดยืนคัดค้านการเปิดเสรีธุรกิจบริการด้านกฎหมาย ภายใต้การเจรจาความตกลงการค้าเสรี ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (EU) โดยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ได้มีหนังสือที่ สรป.0062/2568 ถึงอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากสภาทนายความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการที่ประเทศไทยจะยื่นข้อแสนอกับสหภาพยุโรป ว่า ไทยผูกพันเปิดตลาด โดยไม่จำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในนิติบุคคลของทุกสาขาบริหารวิชาชีพ รวมทั้งสาขาบริการกฎหมาย โดยไทยจะเสนออนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นร้อยละ 100 เปอร์เซ็นต์ในนิติบุคคล เพื่อให้บริการกฎหมายอย่างไม่มีข้อจำกัด
สภาทนายความฯ ได้ให้เหตุผลสำคัญ โดยระบุว่า ธุรกิจบริการกฎหมายไม่ใช่ธุรกิจบริการทั่วไป แต่เป็นวิชาชีพที่ต้องมีการกำกับดูแลเป็นพิเศษเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนและวิชาชีพทนายความ การเปิดตลาดอย่างเสรีโดยขาดความรอบคอบ อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อระบบกฎหมายและความยุติธรรมของประเทศได้
ประเด็นที่น่ากังวลคือ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายที่ครอบคลุมเหมือนในต่างประเทศ ซึ่งหากเปิดตลาดโดยไม่มีข้อจำกัด อาจเป็นการเปิดช่องให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ธุรกิจบริการกฎหมายเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลกในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ การเปิดตลาดโดยที่ไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลที่ชัดเจน จะสร้างความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันให้กับวิชาชีพทนายความไทย และหากรัฐบาลต้องการออกกฎหมายเพื่อกำกับดูแลในภายหลัง ก็จะทำได้ยากและอาจนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่างประเทศได้
สภาทนายความฯ ยังชี้ให้เห็นว่า ในการที่ไทยทำข้อตกลง FTA ที่ผ่านมา เช่น RCEP หรือข้อตกลงกับกลุ่มประเทศ EFTA ประเทศไทยได้ใช้ความระมัดระวังมาโดยตลอด โดยเปิดตลาดเพียงบางส่วนและจำกัดเฉพาะการให้คำปรึกษากฎหมายการค้าระหว่างประเทศเท่านั้น
ดร.วิเชียร ยังกล่าวอีกว่า การที่ไทยจะเปิดตลาดเพิ่มเติมในสาขาบริการวิชาชีพด้านกฎหมายภายใต้ FTA กับประเทศต่าง ๆ จำเป็นที่ไทยต้องออกกฎหมายกำกับดูแลให้ครบถ้วน เพื่อให้การประกอบธุรกิจเป็นไปตามมาตรฐาน และหากไทยยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแล ในขณะที่สหภาพยุโรป (EU) มีการกำกับดูแลธุรกิจบริการกฎหมาย ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อบริษัทไทยที่ให้บริการ จึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
สภาทนายความจึงขอให้สำนักเจรจาการค้าบริการและการลงทุนฯ รับฟังความเห็นของสภาทนายความ โดยพิจารณากำหนดเงื่อนไขกรอบข้อกำหนดที่เป็นประโยชน์กับคนไทยและพิจารณาถึงผลกระทบจากการเปิดตลาดธุรกิจบริการกฎหมายในประเด็นต่าง ๆ ที่เสนอต่อไป