Health & Beauty

รพ.รามาธิบดี-รพ.สมิติเวชจับมือสู้มะเร็ง  รักษาแนวใหม่ด้วยThe Cell Therapy



กรุงเทพฯ-นับเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์แนวใหม่ที่ถ่ายทอดความรู้จาก รพ.รัฐ สู่เอกชน มุ่งหาทางรอดรักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่มีโอกาสหายได้ ถึง 70% เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ เครือโรงพยาบาลสมิติเวช ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการรักษาด้วยนวัตกรรม Cell Therapy & Gene Therapy เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาของไทยสู่ระดับสากล เป็นการรักษาแบบเซลล์และยีนบำบัด โดยนำเลือดมาสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันดัดแปลงให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้โดยตรง เป็นครั้งแรกของอาเซียน

สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดในงาน ประชุมวิชาการระดับนานาชาติ “The Cell Therapy & Gene Therapy Symposium 2025” ถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 กันยายน 2568  ณ  รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ และ รร. เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพฯ  ที่ผ่านมา โดยรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้าน การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในผู้ป่วยธาลัสซีเมีย, นวัตกรรม CAR T- cell รักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ดื้อยา, ความก้าวหน้าของการรักษาด้วยยีนบำบัด, รวมถึงการดูแลภาวะแทรกซ้อนและผลวิจัยทางคลินิกมาตรฐานโลก ตอกย้ำบทบาทไทยในการก้าวสู่ผู้นำด้านการรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง รองคณบดีกิจการพิเศษ และหัวหน้า Center of Excellence for Cell Therapy and Gene Therapy คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และกุมารแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายว่า โรคธาลัสซีเมีย และ มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้นำไปสู่แนวทางการรักษาใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วยได้

ปัจจุบัน นอกจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม) ยังมีทางเลือกสำคัญอย่างเช่น การปลูกถ่ายไขกระดูก สำหรับผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย มะเร็งบางชนิด และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ โดยเฉพาะเทคนิค Haploidentical Stem Cell Transplantation ซึ่งใช้สเต็มเซลล์จากพ่อหรือแม่หรือสมาชิกในครอบครัว ผลลัพธ์ของเทคนิคนี้พบว่า เด็กที่ได้รับการปลูกถ่ายมีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปีสูงถึง 100%  และการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยนวัตกรรม CAR T-cell ซึ่งเป็นการรักษาแบบเซลล์และยีนบำบัด  ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาที่มีอยู่ราว 30% โดยนำเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยมาปรับแต่งพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการแล้วฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย ให้โจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง  เพิ่มโอกาสหายขาดให้แก่ผู้ป่วยที่หมดความหวังได้ถึง 70% แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้มากกว่า 5 เท่า

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า งานประชุมนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และเครือโรงพยาบาลสมิติเวช  มุ่งยกระดับการรักษาด้วย Cell Therapy & Gene Therapy สู่มาตรฐานสากล  และยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากภาครัฐสู่ภาคเอกชน  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีและการดูแลที่มีมาตรฐานสูง ลดข้อจำกัดเรื่องสถานที่และคิวการรักษา  และสามารถต่อยอดไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยในภูมิภาคเข้าถึงนวัตกรรมทันสมัย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพบุคลากรไทย แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยและมีความหวังใหม่ในการต่อสู้กับโรคร้าย

ทางด้านพญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช และผู้อำนวยการ รพ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนาน ของโรงพยาบาลสมิติเวช ที่ได้เปิดศูนย์ดูแลเด็กป่วยมะเร็งและบริการปลูกถ่ายไขกระดูกมาเป็นเวลากว่า 20 ปี  และได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการศึกษาวิจัยและนำเทคโนโลยี CAR T-cell  เป็นการผสมผสานระหว่างเซลล์และยีนบำบัด มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา แต่ยังเปิดทางให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนโดยไม่ต้องรอนาน ภายใต้กระบวนการรักษาและห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล (GMP) ในประเทศไทย  นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ของเอเชีย”

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่  Professor Philippe Leboulch แพทย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Paris-Saclay ประเทศฝรั่งเศส และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการศึกษาพัฒนา lentivirus เพื่อเป็นพาหะสำหรับการปรับแต่งยีนของโรคพันธุกรรมต่างๆ และเป็นหนึ่งในทีมการศึกษาวิจัยการรักษาด้วยยีนบำบัดในผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Beta-Thalassemia) ได้สำเร็จ โดยจะมาร่วมบรรยายในหัวข้อ “All About the Future of Gene Therapy”

Prof. Hideki Marumatsu, M.D., Ph.D. กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเลือดและโรคไขกระดูก จาก มหาวิทยาลัยนาโงยะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรค Aplastic Anemia และกลุ่มโรค Bone Marrow Failure ชนิดต่างๆ และมีการศึกษาติดตามผู้ป่วย Japan Childhood Aplastic Anemia Cohort Study จะมาร่วมบรรยายในหัวข้อ “Hematopoietic Stem Cell Transplantation in Aplastic Anemia and Inherited Bone Marrow Failure”

การประชุมครั้งนี้สะท้อนพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยอย่างยั่งยืน และเปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเตรียมบุคลากรไทยและนานาชาติสู่การรักษาแห่งอนาคต