Authority & Harm

ชาวท่าแซะชุมพรเฮ!โรงงานค้านก่อสร้าง สะพานและจุดกลับรถใต้สะพาน



ชุมพร-ชาวบ้านเฮ หลังกรมทางหลวงชี้แจงคำนึงความปลอดภัย ในขณะโรงงานน้ำมันปาล์ม คัดค้านโครงการอ้างเหตุสะพานสูง และช่วงก่อสร้างจะทำให้ชาวบ้านที่มาส่งผลผลิตทางการเกษตรจะได้รับคามเดือดร้อน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 กันยายน 68 นายชุมพล ไทยนุกูลผอ.โรงงานบมจ.ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มพร้อมด้วยกลุ่มแรงงานของโรงงาน และชาวบ้านในละแวก กว่า 200 คน รวมตัวพร้อมถือป้าย ระบุใจความว่า “ขอคัดค้านการก่อสร้างสะพานสูงและที่กลับรถใต้สะพาน บริเวณคลองสมพัง( กม.440-865)” โดยยืนปักหลักอยู่หน้าศาลากลางเปรียญ ภายในวัดพ่อตาหินช้าง หมู่ที่ 17 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่แขวทางหลวงชุมพร โดยกรมหลวง ได้จัดเวทีประชาคมและแสดงความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ช่วงคลองพัง( กม.440-865) ของการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 สายกรุงเทพฯ-จุดผ่านแดนถาวรสะเดา ตอน บ.พ่อตาหินช้าง-บ.วังครก จำนวน 5 ช่วง ด้วยงบประมาณ 9 ร้อยล้านบาท

ในขณะที่ทางนายกรีฑา เดชพิณ ผอ.แขวงทางหลวงชุมพร ได้เชิญกลุ่มผู้คัดค้านได้ขึ้นมารับฟังเพื่อแสดงความคิดเห็นในความต้องการ โดยมีทางนายโอภาส อินทสาขา ผจก.โครงการฯ นายสมประสงค์ ทองแป้น วิศวโยธาชำนาญการ ซึ่งดูแลโครงการ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ตอบข้อซักถาม ในการหาข้อสรุปร่วมกัน

ต่อมา ทาง นายชุมพล ไทยนุกูล ผอ.โรงงาน พร้อมกลุ่มแรงงาน และชาวบ้าน รวมทั้งได้มีนายลิขิต สุขเยาว์ ปลัดอำเภออาวุโส อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตำรวจทหาร และชาวบ้านที่ให้ความสนใจกับโครงการก่อสร้าง ได้เข้าร่วมฟังด้วย

นายกรีฑา เดชพิณ ผอ.แขวงทางหลวงชุมพร ได้กล่าวเปิดถึงที่มาที่ไปของโครงการให้กับผู้เข้าร่วมในประชาคมในครั้งได้ทราบว่า การก่อสร้างสะพานและจุดกลับใต้สะพาน ณ จุดนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่ผ่านมา จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุนั้นมีสูง เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของประชาชนนั้น มักจะยึดความสะดวกเป็นหลัก โดยเฉพาะชาวบ้านที่ขับขี่ จยย. ไม่ว่าจะมาวัด โรงเรียนรับส่งลูก เข้าออกโรงงาน มักจะขับย้อนศร และยิ่งหนักกว่านั้นก็ยังมีรถยนต์วิ่งย้อนศรอีกด้วย เพราะจุดกลับรถอยู่หน้าโรงงานพอดี ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

นายกรีฑา กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากนี้นับวันปัญหาของกระแสการจราจรที่ทวีความหนาแน่นขึ้นตามความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมือง เมื่อเมืองพัฒนาขึ้น จำนวนประชากรและยานพาหนะก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ถนนหนาแน่นและเกิดปัญหาตามมามากมายโดยจากการสำรวจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ละวันบริเวณจุดนี้ มีรถสัญจรกว่า 3 หมื่นคัน กรมทางหลวงเล็งให้ความสำคัญยิ่งคือการดำรงชีวิตของชาวบ้านต้องอยู่ในพื้นฐานของความปลอดภัย ควบคู่กับกระแสการจราจรจะต้องสะดวก โครงการดังกล่าวจึงได้เกิดขึ้น โดยสร้างสะพานให้รถสัญจรได้คล่องตัว และชาวบ้านก็สามารถขับรถโดยไม่ต้องย้อนศรอีกต่อไป

นายกรีฑา ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นแล้ว จากเดิมแบบที่เคยนำเสนอ คือสะพานสูง 5.50 เมตรตามมาตรฐาน ให้คงเดิม เพียงปรับแก้ทางคู่ขนาน จากวิ่งทางเดียว มาเป็นสองเลนวิ่งสวนทาง ซึ่งเป็นมติร่วมกัน ส่วนทางโรงงานนั้น ที่ออกมาคัดค้าน ทางกรมทางหลวงก็จะหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ เพื่อไม่ให้กระทบความเดือดร้อนของทางโรงงาน เกษตรกรที่นำผลผลิตมาส่งโรงงานต่อไป

นายชุมพล ไทยนุกูล ผอ.โรงงาน บมจ.ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เปิดเผยหลังจากที่ได้ร่วมประชาคมแสดงความคิดเห็นและได้ยื่นหนังสือคัดค้านถึงอธิบดีกรมทางหลวง โดยผ่าน ผอ.แขวงทางหลวงชุมพร ว่า การคัดค้านครั้งนี้ อย่ามองว่าเป็นโรงงาน แต่ขอให้มองว่าคือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างคนหนึ่ง โดยทางโรงงานให้เหตุผลว่าการสร้างสะพานเพื่อใช้ประโยชน์ในการกลับรถเพียงอย่างเดียว เป็นการไม่คุ้มค่าไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด และไม่น่าจะทำการก่อสร้างสะพานสูงเพื่อกลับรถ อยู่หน้าโรงงานที่มีการจราจรหนาแน่นในช่วงเช้าและเย็น การก่อสร้างสะพานเพื่อใช้กลับรถช่องทางทางจราจรที่ใช้กลับรถอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า-ออกของโรงงานมากเกินไป และรถที่ออกจากโรงงานไม่สามารถใช้ช่องทางกลับรถได้ การก่อสร้างสะพานเพื่อใช้กลับรถเพียงอย่างเดียวบริเวณนี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจราจรให้เกิดความสะดวกและปลอดภัย อีกซ้ำจะทำให้เกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น และเหตุอื่นอีกหลายประการ ประกอบกับบริเวณที่ก่อสร้างเป็นทางโค้งอีกด้วย

นายชุมพล  กล่าวว่า เมื่อกรมทางหลวงได้ตั้งงบประมาณค่าก่อสร้างปี 2568 ไว้แล้ว เห็นควรให้มีการก่อสร้างสะพานเพื่อใช้กลับรถในบริเวณอื่น เช่นบริเวณกิโลเมตรที่ 436+600-438+600 เป็นทางตรง รถยนต์ที่วิ่งผ่านใช้ความเร็ว มีปริมาณจราจรที่กลับรถบริเวณนี้จำนวนมาก และสามารถเชื่อมชุมชนทั้ง 2 ฝั่ง ให้ข้ามไปมาได้อย่างปลอดภัย จึงจะเกิดประโยชน์ได้สูงสุดและเป็นที่ต้องการของราษฎร และในฐานะโรงงานก็เหมือนกับชาวบ้านคนหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแนวการก่อสร้าง ซึ่งได้รับความกระทบ จึงขอใช้สิทธิ คัดค้านโครงการการก่อสร้างสะพานสูงดังกล่าว แม้ทางกรมทางหลวงได้แก้แบบใหม่ และชาวบ้านเห็นด้วยกับแบบใหม่ ทางโรงงานก็ยืนยันที่จะขอคัดค้านตามสิทธิประโยชน์ที่ควรกระทำได้