In Global
‘แหล่งกำเนิดไดโนเสาร์’ของจีนกำลังเป็น ‘ศูนย์กลางวิจัยฟอสซิลระดับโลก’

ฮาร์บิน, 18 ก.ย. (ซินหัว) - อำเภอเจียอิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย เต็มไปด้วยบรรยากาศและกลิ่นอายของไดโนเสาร์ ตั้งแต่ป้ายอาคารรูปไดโนเสาร์ ไปจนถึงแผงขายของที่ประดับประดาไปด้วยภาพสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันลึกซึ้งกับสิ่งมีชีวิตที่เคยมีชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้เมื่อหลายล้านปีก่อน
กระแสความหลงใหลนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1902 เมื่อนักบรรพชีวินวิทยาขุดพบไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “แมนด์ชูโรซอรัส อมูเรนซิส” (Mandschurosaurus amurensis) การค้นพบในครั้งนั้นนับเป็นหนึ่งในการขุดซากดึกดำบรรพ์ครั้งสำคัญในช่วงแรกๆ ของจีน และทำให้อำเภอเจียอินได้รับสมญานามว่า “บ้านเกิดของไดโนเสาร์”
ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า อำเภอเจียอินเป็นที่ตั้งของสุสานซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีการขุดพบโครงกระดูกไดโนเสาร์กินพืชแบบสมบูรณ์แล้ว 13 โครงที่ภูเขาหลงกู่ และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ายังมีซากฟอสซิลที่สมบูรณ์อีกไม่น้อยกว่า 100 ซาก ซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน
เพื่อคุ้มครองมรดกอันสำคัญนี้ อำเภอจึงจัดตั้งอุทยานธรณีวิทยาไดโนเสาร์แห่งชาติขึ้นในปี 2001 ครอบคลุมพื้นที่ 38.44 ตารางกิโลเมตร โดยแบ่งออกเป็นเขตแกนกลาง เขตกันชน และเขตทดลอง ทำให้อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ผสานหลายภาคส่วนทั้งการวิจัย การศึกษา และการท่องเที่ยว เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
ใจกลางอุทยานคือ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์เสินโจว ซึ่งจัดแสดงซากดึกดำบรรพ์และนิทรรศการที่ช่วยให้เข้าใจการวิวัฒนาการของไดโนเสาร์และการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมนิทรรศการซากดึกดำบรรพ์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีรวมถึงการจัดแสดงที่เสมือนจริง ราวกับย้อนกลับไปยังฉากในยุคก่อนประวัติศาสตร์
หนึ่งในการจัดแสดงคือ ไดโนเสาร์ฮาโดรซอร์ขนาดใหญ่ที่เชิดหน้าขึ้นราวกับกำลังร้องเตือนภัย ขณะจ้องไปยังฮาโดรซอร์ตัวเล็กซึ่งคาดว่าเป็นลูกของมัน ฉากนี้ถ่ายทอดให้เห็นทั้งคุณค่าทางวิทยาศาสตร์และอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
อำเภอเจียอินยังดึงดูดความสนใจจากนานาชาติด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฟอรัมเจียอินครั้งที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ และการประชุมสัมมนาด้านธรณีวิทยาการท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและไทยเข้าร่วม
หนึ่งในผู้เข้าร่วมคือ ศาสตราจารย์อับดุล ราห์มาน อัชราฟ (Abdul Rahman Ashraf) จากมหาวิทยาลัยบอนน์ (University of Bonn) วัย 83 ปี ผู้ซึ่งเคยมาเยือนเจียอินแล้วถึง 25 ครั้ง เขากล่าวว่า จีนเป็น “บ้านเกิดแห่งที่สอง” ของตน และชื่นชมในความร่วมมืออันยาวนานหลายทศวรรษที่ตนมีร่วมกับนักวิชาการชาวจีน
ฮารุฟุมิ นิชิดะ (Harufumi Nishida) ประธานองค์การบรรพพฤกษ์ศาสตร์นานาชาติ (International Organization of Palaeobotany) กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าของจีนในการค้นพบไดโนเสาร์และระบบนิเวศ ขณะที่หวังจวิน ประธานสมาคมบรรพชีวินวิทยาของจีน เน้นย้ำบทบาทของอำเภอเจียอินในฐานะแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญ และเป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือระดับโลก
(ที่มา: https://www.xinhuathai.com/silkroad/534185_20250918 , https://en.imsilkroad.com/p/347564.html)