Travel Sport & Entertain

The Next Chapterเทศกาลงานออกแบบ เชียงใหม่ผ่านผอ.CEAสำนักภาคเหนือ



ในยามเช้าของเชียงใหม่แสงอาทิตย์ลอดผ่านเงาไม้ริมคูเมืองรถแดงค่อย ๆ แล่นผ่านประตูท่าแพ  กลิ่นกาแฟจากคาเฟ่ชุมชนลอยปะปนกับเสียงจักรยานที่ผ่านไปตามตรอกเล็ก ๆ ผู้คนค่อย ๆ ก้าวออกมาจากย่านที่พักเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ในเมืองที่คุ้นเคยภาพเหล่านี้อาจดูเรียบง่ายแต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในบรรยากาศนั้นคือ “พลังของเมืองเชียงใหม่ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง”

บรรยากาศพลังแห่งพลวัตของเชียงใหม่ยังคงเดินทางผ่านกาลเวลาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบันพลังของเชียงใหม่ถูกถ่ายทอดผ่านเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ (Chiang Mai Design Week) มาแล้วกว่า 10 ปีด้วยบทพิสูจน์แห่งกาลเวลาจึงทำให้เห็นว่าเทศกาลฯไม่ได้เป็นเพียงเทศกาลงานออกแบบประจำปีแต่คือเวทีที่สะท้อนวิถีชีวิตและวิธีคิดของผู้คนเทศกาลฯ ที่เกิดจากความเชื่อที่ว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถขับเคลื่อนเมืองได้จริง จากเทศกาลฯเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นในย่านเมืองเก่าวันนี้เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่เป็นที่จับตามองและได้รับความสนใจจากนานาชาติทั้งจากประเทศในกลุ่มเอเชียออสเตรเลียและยุโรปโดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงาน Craft, Design, Music และ Art ซึ่งการก้าวเข้าสู่ “The Next Chapter” ถูกสะท้อนผ่านมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริงสูงถึง 5,700 ล้านบาทตลอด 10 ปีและมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี

ในบทบาทต่อไป “The Next Chapter” จึงไม่ได้หมายถึงการต่อยอดพลังของผู้คนทุกกลุ่มให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนเพียงเท่านั้น แต่หมายถึงการก้าวสู่บทใหม่ที่มุ่งหวังให้เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่เป็นพื้นที่ในการส่งเสริมและสร้างความร่วมมือในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือและนานาชาติ

จากทศวรรษแห่งการบ่มเพาะทดลองสู่ยุคแห่งการลงมือทำร่วมกัน

คุณอิ่มหทัยกันจินะผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์สำนักภาคเหนือกล่าวว่า10 ปีแรกของ Chiang Mai DesignWeek คือช่วงเวลาแห่งการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ความสร้างสรรค์ให้เมืองเชียงใหม่ได้ทดลองและเติบโต เทศกาลนี้มีพื้นที่ให้ศิลปินนักสร้างสรรค์ได้เล่าเรื่องผ่านงานศิลปะ มีชุมชนและคนเมืองที่พร้อมเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้ามาเรียนรู้และร่วมสร้างให้คนทุกช่วงวัยได้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถสร้างคุณค่าได้ ตลอดจนมีคนหนุ่มสาวที่หวนกลับเมืองเกิดเพื่อมาทำสิ่งที่รัก

ดังนั้นเทศกาลในปีที่ 11 จึงไม่ใช่เพียงการเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาแต่คือจุดเริ่มต้นในการต่อยอดพลังท้องถิ่น (Local Essence) ด้วยความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การเติบโตที่แข็งแรงยิ่งกว่าเดิมโดยเทศกาลฯตั้งแต่ปี 2022 - 2025 จะเห็นได้ว่าเทศกาลใช้ธีม “Local” ตั้งแต่ Local Rise’ationปี 2022, Transforming Local ปี 2023, SCALING LOCAL ปี 2024 และในปี 2025 มาในธีม “Local Plus: Creativity, Technology, Sustainability ร่วมมือกันสร้างสรรค์เติบโต” เพื่อสื่อสารว่า “ท้องถิ่น” พร้อมต่อยอดสร้างโอกาสและเติบโตไปได้ไกลสู่ระดับนานาชาติ

“เทศกาลนี้ไม่ใช่แค่เทศกาลงานออกแบบแต่คือเครื่องมือสำคัญในการสร้าง City Branding ซึ่งจะทำให้   ‘เชียงใหม่’ มุ่งไปสู่การเป็น“Crafting Wellness from Local Essence, Inspiring Asia” ของภูมิภาคโดยเทศกาลฯมี 3 เป้าหมายหลักสนับสนุนการขับเคลื่อนคือ 1.) การสนับสนุนศักยภาพและเครือข่ายนักสร้างสรรค์คืนถิ่น (Homecoming) ร่วมกับเครือข่ายนักสร้างสรรค์ท้องถิ่นและนานาชาติ 2.) การสืบสานวิถีท้องถิ่นที่ยั่งยืน (Local Sustainable Living) และ 3.) การเชื่อมโยง Local Essence x Creativity x Technology เพื่อสร้างพื้นที่แห่งโอกาสใหม่ (New Opportunities) พลังสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภาคเหนือ” คุณอิ่มหทัยกันจินะให้ข้อมูลเพิ่มเติม

“Local Plus” สมการแห่งความร่วมมือ

ในปีนี้เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2568 ถ่ายทอดแนวคิด “Local Plus” ผ่าน 5 สัญลักษณ์ สะท้อนบทบาทของแต่ละภาคส่วนในการขับเคลื่อนเมืองอย่างมีพลัง

- บวก (+)คือการรวมพลังของผู้คนองค์กรภาคส่วนต่าง ๆ และนานาชาติ ที่มาร่วมสร้างพลังการขับเคลื่อนความสร้างสรรค์ของภาคเหนือไปด้วยกัน

- คูณ (×)คือทวีคูณการต่อยอดจากท้องถิ่นสู่สากลผ่านความร่วมมือกับนานาชาติกว่า 10 ประเทศทั้งในเอเชียและยุโรป

- หาร (÷)คือการแบ่งปันความรู้แรงบันดาลใจและนวัตกรรมสร้างสรรค์

- ลบ (−)คือการลดข้อจำกัดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

- อินฟินิตี้ (∞)คือการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดของเชียงใหม่เมืองที่กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง

“Local Plus” จึงเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนสมการแห่งความร่วมมือที่ทำให้เห็นถึงปรัชญาการพัฒนาระบบนิเวศสร้างสรรค์ด้วยพลังของทุกคน ไม่ว่าแต่ละคนจะอยู่ในบทบาทศิลปินดีไซเนอร์ช่างฝีมือนักวิจัยผู้ประกอบการภาครัฐและภาคเอกชนในเชียงใหม่และภาคเหนือ ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยกันขับเคลื่อนระบบนิเวศสร้างสรรค์ร่วมกัน” คุณอิ่มหทัยกล่าวเพิ่มเติม

เชียงใหม่ในบทใหม่: จากรากท้องถิ่นสู่แรงบันดาลใจระดับโลก

  The Next Chapter นี้เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่จะกลับมาทำให้ทุกย่านในเมืองเชียงใหม่กลายเป็นโอกาสครั้งสำคัญของสังคมและเมือง จาก “รากวัฒนธรรม” สู่ทิศทางใหม่ที่จะสร้าง “แรงบันดาลใจ” ให้ผู้คนจากทั่วโลกเข้ามาเยือนและลงทุนมากยิ่งขึ้นด้วยการชูความโดดเด่นของงานคราฟต์วัตถุดิบท้องถิ่นและ Local Skill ที่จะส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมงานออกแบบดนตรี และอาหารเหนือเพื่อมาต่อยอดและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้สอดรับกับเทรนด์และบริบทของโลกที่แปรเปลี่ยนไป ซึ่งหากอ้างอิงจากข้อมูลอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยที่สามารถสร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่หนึ่งได้แก่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในขณะที่ภาพรวมของแรงงานสร้างสรรค์สาขาที่มีจำนวนแรงงานมากที่สุด ได้แก่

การโฆษณารองลงมาคืองานหัตถกรรมและทัศนศิลป์และงานออกแบบตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองได้แก่ดนตรีซึ่งในปี 2025 มูลค่าของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1,800 ล้านบาทจากการเติบโตของสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มและกระแส “Thai Music Wave” ที่ขยายตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงตลาดข้างเคียงอย่าง “ตลาดน้ำหอม” ที่สามารถสร้างรายได้สูงถึง 391 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 12.6 ล้านบาทและคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 491 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 15.9 ล้านบาทภายในปี 2028 ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นเช่นพืชพรรณนานาชนิด รวมถึงผลผลิตจากอุตสาหกรรมการเกษตรที่เหลือใช้มาแปรรูปเป็นขุมทรัพย์การผลิต “น้ำหอม” อย่างยั่งยืนทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจึงตอกย้ำถึงแนวทางของเทศกาลฯ ที่จะเป็นเครื่องมือส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์และภูมิภาคให้เป็นที่ยอมรับได้ในระดับสากล

จากงานสร้างสรรรค์ระดับท้องถิ่นสู่การยกระดับสู่สากล

ปีนี้เทศกาลฯจึงชูโรงด้วยอุตสาหกรรมด้าน Wellness ผ่านประเด็น “กลิ่นจากพืชพื้นถิ่น” ที่จะอบอวลทั่ว TCDC เชียงใหม่ตั้งแต่นิทรรศการ Make Scents, Make Sense ที่พาไปสำรวจ “กลิ่น” ในฐานะทุนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจใหม่ของไทยไปจนถึงประเด็นทางสังคมที่ดึงคนรุ่นใหม่กลับบ้าน อย่างThe Homecoming Club มาพร้อมกับโปรแกรม Homecoming Speed Meeting ที่ชวนศิลปินและผู้ประกอบการรุ่นใหม่กลับมาสร้างแรงบันดาลใจให้เมือง นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือจากระดับนานาชาติเป็นการต่อยอดโอกาสใหม่ (New Opportunities) ที่ได้ร่วมมือกับนักออกแบบจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น International Design Showcases แพลตฟอร์มแสดงผลงานออกแบบจากศิลปินนานาชาติ, นิทรรศการ “SEN” จากฝรั่งเศสชวนผู้ชมสำรวจ “เส้น” ในหลากหลายมิติผ่านประสบการณ์ศิลปะ 3 ช่วงที่เชื่อมโยงศิลปะและร่างกายเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง

เทศกาลดนตรีและศิลปะนานาชาติ LABBfest.2025 และนิทรรศการเซรามิกCRAFTed of Taste: The Art of Eating ที่เชื่อมไทย–ฝรั่งเศสนอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กต์จากเยาวชนไทย–ญี่ปุ่นYumeie Dream House Project และโปรเจ็กต์ Fixing the Past, Making the Future จาก Studio Bora Hong กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ที่เปิดบทสนทนาข้ามวัฒนธรรมเกี่ยวกับแนวคิด Cosmetic Surgery Kingdom และการใช้ทรัพยากรอย่างสร้างสรรค์สะท้อนแนวคิดความยั่งยืน (Local Sustainable Living)

เทศกาลฯมีการจัดการอีเวนต์อย่างเป็นระบบโดยการใช้พาวิลเลียน (Pavilion)และโครงสร้างการจัดแสดงเดิมจากปีก่อนนำมาหมุนเวียนใช้ใหม่การลดใช้วัสดุจากโฟมบอร์ดสำหรับทำป้ายข้อมูลแต่หันมาใช้วัสดุรีไซเคิลจากพลาสติกแทนด้านการพิมพ์เทศกาลฯ ลดปริมาณการผลิตและจำกัดขนาดของชิ้นงานเพื่อทำให้เกิดส่วนเหลือทิ้งน้อยที่สุด นอกจากนี้ภายใน POP Market ตลาดงานคราฟต์กว่า 140 แบรนด์ ยังมีการจัดการขยะและการลดปริมาณการใช้ภาชนะพลาสติกในพื้นที่อีกด้วย  

ดังที่กล่าวมาข้างต้นทุกกิจกรรมของเทศกาลฯ ล้วนสะท้อนความเชื่อที่ว่าความคิดสร้างสรรค์ไม่จำกัดอยู่ในห้องจัดแสดง แต่สามารถปรากฏอยู่ในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นตลาดร้านกาแฟเสียงบรรเลงดนตรี และโดยเฉพาะในรอยยิ้มของผู้คนที่มาร่วมมือกันสร้างทุกกิจกรรมให้เกิดขึ้น พร้อมเติมพลังใหม่ให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองแห่งแรงบันดาลใจที่เติบโตไปพร้อมทุกคน

ร่วมก้าวสู่ The Next Chapter ของเชียงใหม่ไปด้วยกันกับ “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2568” หรือ “Chiang Mai Design Week 2025” (CMDW2025) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 - 14 ธันวาคม 2568 ครอบคลุมย่านกลางเวียง, ช้างม่อย-ท่าแพ, สันป่าข่อยและทั่วเมืองเชียงใหม่